ทำอย่างไร? ที่จะให้เขาชอบและหลงรักคุณ…
ลองนึกภาพถึงคู่ควงในฝันคุณดู เขาหรือเธออาจจะไม่เคยมีส่วนร่วมในความรักที่แสนหอมหวานเหมือนอย่างที่ผ่านๆมาของคุณ ในทางตรงกันข้าม คู่ควงในฝันคุณอาจจะเป็นคู่สามี/ภรรยากับคุณในอนาคตก็ได้ แล้วตอนนี้ลองมานึกถึงหน้าตาที่คุณใฝ่ฝันอยากนคู่เดทของคุณยิ้มหรือทำหน้าบึ้งตึง?
ถ้าเขาทำหน้าบึ้งตึ้ง คุณต้องรีบติดต่อมาทางเราด่วน ไม่ใช่ว่าเราชอบคนที่หน้าตาบึ้งตึ้งนะ แต่เป็นเพราะว่าตัวคุณเองคงต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้วล่ะ
เราควรจะเลือกใคร แล้วใครที่จะเลือกเรา?
โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเราทุกคนต้องอยากจะสานสัมพันธ์กับคนที่หน้าตายิ้มแย้ม แจ่มใสตลอด ดวงตาเป็นประกาย มีอารมณ์ขันและบางอารมณ์สามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ แน่นอนว่านี่อาจจะไม่ได้เป็นแค่พื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนเท่านั้น แต่ถ้าเราเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม ความสนุกสนาน มันจะช่วยดึงดูดฝ่ายตรงข้ามให้เข้ามาหาเราได้ง่ายขึ้นนะ
รอยยิ้มคือหน้าต่างของใจ
โดยปกติแล้วมนุษย์ที่มีสติสัมปชัญญะมักจะยิ้มก่อนเสมอเมื่อมีไรเกิดขึ้น แม้เด็กทารกที่ยิ้มอย่างไร้เดียงสา โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเพราะ แต่ที่เด็กตัวน้อยๆยิ้มเพราะเขารู่สึกพอใจ ปลอดภัยนั่นเอง รอยยิ้มที่ให้กับเด็กเปรียบเสมือนบัตรผ่านสร้างความมั่นใจให้กับพวกเขา แทนคำพูดที่ว่า “ฉันจะไม่ทำร้ายคุณนะ แล้วคุณก็คงจะไมทำร้ายฉันเหมือนกันนะ จริงๆฉันเป็นคนที่อารมณ์ดี คุณจะสนุกสนานนะถ้าได้รู้จักกับฉัน”
โดยทั่วไปแล้วเมื่อหนุ่มๆเจอสาวๆ หรือสาวๆเจอหนุ่มๆ สิ่งที่มักจะทำกันหลังจากที่สบตากันแล้วคืออะไร? ยิ้ม อาจจะยิ้มอย่างเขินอาย ยิ้มที่มุมปาก หรือยิ้มนิดหน่อยจนยากที่จะสังเกต แต่รอยยิ้มสามารถพูดแทนคำได้เป็นล้านเช่น “ผมชอบสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือคุณมากๆ และก็หวังว่าคุณเองก็คงจะชอบผมเช่นกัน”
แน่นอนว่าคุณยิ้มออกไป ยิ้มไปให้คนอื่น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้รับการยิ้มตอบ ในทางตรงกันข้ามเขาอาจจะทำหน้าบูดใส่คุณก็ได้ ถ้าเป็นอย่างงั้นก็พอจะบอกเป็นนัยๆให้คุณถอยห่างออกมาก่อน
ลองยกสุนัขเป็นตัวอย่าง ถ้ามันอยากจะเล่นกับคุณ หูมันจะกระดิก หางจะกวัดแกว่งไปหา แต่ถ้ามันอารมณ์เสียมันจะแยกเขี้ยวและเห่าไล่คุณอย่างไม่ปราณี ก็เหมือนกับการยิ้มหรือหน้าบึ้งของคนเรา สามารถบ่งบอกบอกอารมณ์และความต้องการได้นั่นเอง
รอยยิ้มนำพามาซึ่งสิ่งที่ดีกว่า และยิ่งใหญ่กว่า !!!
คุณกวาดสายตารอบๆในผับแห่งหนึ่ง แล้วต้องส่งยิ้มให้ผู้คนทั่วไป 3 ชั่วโมงแล้วหรือปล่าว ไม่ถึงขนาดน้าน เราต้องการจะบอกว่าการยิ้มเป็นเหมือนการเชื้อเชิญคนทั่วไปให้เข้ามาทำความรู้จักคุณมากขึ้น เหมือนกับคุณส่งคำถามไปให้คนแถวนั้นว่า “โอเค ฉันเป็นมิตรนะ เข้ามาทำความรู้จักกันหน่อยก็ดี” แล้วถ้ามีรอยยิ้มตอบกลับมาก็ใช่เลย เอาละ หลังจากนั้นก็ทำตามความเหมาะสมได้เลย
“ฉันรักคุณมากเลยนะ เอาละเรามาแต่งงานกันเถอะ” ถ้าจะพูดถึงขนาดนี้ก็ไม่ไหวเป็นแน่ ไม่ใช่สุนับนะที่ว่าเจอกันแล้วก็โอเคหาลู่ทางแพร่พันธ์ได้ ขั้นต่อไปที่คุณต้องทำคือ นึกย้อนกลับไปว่าคู่เดทในฝันคุณเป็นเช่นไร สิ่งหนึ่งที่เรามักจะต้องการจากความสัมพันธ์คือความสนุกสนาน คำแนะนำของเราคือจงใช้ความสนุกสนานที่แหละเรียนรู้ถึงจุดยืนของกันและกัน
แหม แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องการฟังตลก โปกฮาทั้งวันทั้งคืนหรอกน่า แต่เราหมายถึงกิจกรรมหรือโอกาสที่สามารถสนุกด้วยกันได้ เพื่อจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ง่ายยิ่งขึ้น
หลังจากยิ้มให้กันในครั้งแรกที่พบกันแล้ว ยังไงคุณและเขาก็ต้องผ่อนคลายลงเพื่อลดความเกร็งลงด้วย แล้วการที่คุณพูดถึงตัวคุณเองให้เขาฟังอยู่ฝ่ายเดียวดีหรือปล่าว? คำตอบคือ นั่นแหละตัวทำลายความสัมพันธ์เลย ทางที่ดีคุณควรจะถามเขามากกว่า เช่น คุณสนใจอะไรบ้าง คุณทำงานอะไร แล้วตอนนี้คิดอะไรอยู่ ฯลฯ ถามอะไรก็ได้ที่ไม่เกินพอดีจนเกินไป การที่เขาได้เล่าถึงชีวิตและความเป็นมาในตัวเขาย่อมน่าสนใจกว่าการที่คุณจะมาเล่าเกี่ยวกับตัวคุณเองแน่แท้ และเมื่อการสนทนาดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อนั้นแหละเขาจะคิดขึ้นมาได้ว่า คุณเป็นคนที่น่าเข้าหา น่าปราศรัยด้วยเหลือเกิน
ทำตัวงอแงเหมือนเด็กๆบ้างช่วยให้ความสัมพันธ์ยืนยาว
ทำไมเราต้องมาคอยคิดด้วยว่าการสร้างความสัมพันธ์ในครั้งใหม่จะต้องเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสสำหรับคุณ ทำไมไม่คิดในแง่ที่ง่ายๆไว้ก่อนล่ะ ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะทำไง ลองนึกถึงเด็กทารกสองคนคลายหยอกล้อกันไปทั้งๆที่เขาทั้งสองคนยังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ ลองฟังเสียงที่ทั้งสองเปล่งออกมา ถึงแม้จะฟังไม่เข้าใจ แต่เด็กทั้งสองก็ไม่เคยต้องมาเขินอายต่อกัน ทั้งๆที่ไม่เคยมีใครบอกด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายน่าคบหาหรือน่ากลัวหรือป่าว แต่เด็กน้อยทั้งสองคนก็หยอกเล่นกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ถึงแม้เขาทั้งคู่จะพูดไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาทั้งคู่จะรู้ว่าความสนุกที่สร้างด้วยกันนั้นเป็นไง
ลองมองดูเด็กๆอยู่ด้วยกัน 4 คน พวกเขาจะเล่นกันได้เป็นชั่วโมงๆ ทั้งคุยกัน หาไรมาเล่นด้วยกัน โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แล้วพวกเขาก็สร้างสรรค์ความสัมพันธ์กันขึ้นมาเองโดยที่ไม่มีใครสอนเลย ถึงแม้จะไม่มีใครอธิบายได้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ แต่นี่แหละคือธรรมชาติของเด็กๆ ไม่มีเขินอายต่อกัน เล่นกัน สนุกกันได้อย่างเต็มที่
จวบจนกระทั้งพวกเขาได้เข้าโรงเรียนนั้นแหละ ถึงได้มีกฎเกณฑ์อะไรต่างๆตามมามากมาย หลังจากนั่นแหละเด็กๆถึงได้เริ่มเรียนรู้และเริ่มคิดได้ว่าไม่ควรที่จะไปพูดกับคนแปลกหน้ามากมาย เพราะอาจจะเกิดอันตรายกับตัวเด็กเองได้ง่าย
หัวใจสำคัญของความสัมพันธ์อันยืนยาว…เป็นในสิ่งที่คุณปรารถนา
ไม่มีกฎข้อไหนที่บ่งชี้ชัดว่า ไม่ควรที่จะเข้าหาเพศตรงข้ามไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตาม แต่บางอย่างที่ใช้ได้กับคู่หนึ่ง อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ได้สำหรับคู่อื่นๆ แต่ยังคงมีตัวแปรสำคัญอีกย่างคือ จงใช้ความสนุกสนานและความรักในการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ยังจำถึงความไร้เดียงสาของเด็กทีเรากล่าวไว้ข้างต้นได้หรือไม่ ปราศจากทั้งการลอกลวง ง่ายๆและไม่ซับซ้อน มนต์เสน่ห์ของความสนุกสนานและการมีอารมณ์ขันสามารถเป็นชนวนให้ความรักของคุณทั้งคู่จุดติดขึ้นมาอย่างง่ายดาย
เมื่อคุณได้เผยถึงเสน่ห์ที่คุณเป็นคนมีอารมณ์ขันต่อผู้อื่นแล้ว คุณก็มีโอกาสที่จะแสดงให้เขาได้เห็นอีกว่าคุณเป็นคนที่ห่วงใยคนอื่นมากเพียงใด เป็นคนจิตใจดี เป็นคนมีความตั้งใจสูง สามารถปกป้องเขาได้ ฯลฯ อะไรก็ตามที่แสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่น่าสนใจต่อเพศตรงข้าม และคุณเองนั่นแหละก็จะพบสิ่งที่คุณหยิบยื่นให้เขาเป็นการตอบแทน แล้วคุณสองคนก็จะสานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นไปอีกได้อย่างแน่นอน
ติดตามบทความดีๆ แบบนี้ได้ที่นี่
ค้นพบมิตรภาพบนโลกออนไลน์ กับเพื่อนวับทำงานที่มีคุณภาพที่ www.NadDate.com