1มุมมอง แต่มักจะมี 2 ความคิดเสมอ
ถ้าพวกผมไม่ทำแล้วใครจะทำ……………..( หรือว่าคือคุณ )
บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ทำให้..เหงา..เกินไป( ซะงั้นนะ )
<September 2007>
MoTuWeThFrSaSu
12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
หวังว่าทุกๆคนคงยังจำสมัยที่ PCT ออกมาวางตลาดใหม่ๆ
>>> >>> >>> >>>เครื่อง sharp ที่ทาง True แจกให้ทุกคนทดลองใช้ฟรีกัน
>>> >>> >>> >>>รุ่นฝาพับแหละครับ ตัวเล็กๆ รู้กันไหมว่า ในหลวง
>>> >>> >>> >>>พระองค์ท่านยังคงทรงใช้ PCT รุ่นนั้นอยู่ ณ ปัจจุบัน
>>> >>> >>> >>>
>>> >>> >>> >>>ได้ยินมาจากผู้บริหาร True ว่า
>>> >>> >>> >>>ครั้งหนึ่งเคยนำรุ่น sanyo ที่เป็นรุ่นหาคลื่นได้
>>> >>> >>>
>>>
>>>มาถวายท่านเพราะเห็นว่าท่านทรงใช้เครื่องเก่า
>>> >>> >>> >>>นำเครื่องใหม่ไปถวาย พระองค์ตรัสได้น่าประทับใจจริง ๆ
>>> >>> >>>
>>> >>> >>>
>>> >>> >>> >>>”เอามาให้ฉันทำไม ในเมื่อเครื่องเก่าฉันก็ยังใช้ได้อยู่”
>>> >>> >>> >>>ท่านทรงประหยัดเพื่อประเทศเรามาก
>>> >>> >>>ๆ
>>> >>> >>>
>>> >>>แต่คนธรรมดาอย่างเรากลับมีความรู้สึกที่จะอยากได้รุ่นใหม่ๆ
>>> >>> >>> >>>เข้าใจว่าบางคนเนี่ยะซื้อมือถือเพราะหลายเหตุผล
>>> >>> >>> >>>มีเถียงกันบ้างในกระทู้ ไม่ได้หวังอะไรจากระทู้
>>> >>> >>>
>>>ที่ตั้งเพียงแค่อยากจะบอกว่า
>>> >>> >>> >>>”ช่วยกันประหยัดเถอะ”
>>> >>> >>>
>>> >>>พระเจ้าอยู่หัวของเราทรงงานตรากตรำเพื่อพวกเรา
>>> >>> >>> >>>หากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้ทำงานใกล้ชิดท่านจะรู้ว่า
>>> >>> >>> >>>”น่าภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย”
>>> >>> >>> >>>ไม่ได้ห้ามหากใครจะซื้อถูกซื้อแพง
>>> >>> >>> >>>แต่อยากให้ใช้งานให้คุ้มทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไป
>>> >>> >>> >>>เวลาซื้อถามตัวเองนิดนึงว่า
>>> >>>Tool or Toy
>>> >>> >>> >>>ชอบประโยคคำถามนี้มาก
>>> >>> >>> >>>ขอพระองค์ จงทรงพระเจริญ
>>>
>>> >>> >>>ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ตามพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว
>>> >>> >>> >>>ชอบก็ส่งต่อนะครับ จะได้เป็นประโยขน์กับคนอื่นๆครับ

แด่คนที่รักแฟนมากกว่าพ่อแม่..
หลังวาเลนไทน์

วันที่ 14 กุมภา
ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เหมือนคนทั่วไป
กุหลาบ
ช็อคโกแลต คำบอกรัก

สามสิ่งนี้ต้องเวียนเข้ามาหาชีวิตผมเพื่อให้คนคนหนึ่งทุก
ปีในวันนี้
ก่อนวันที่ 14 กุมภา
ผมเดินออกจากบ้าน
ในมือมีผ้าเช็ดหน้าสีชมพูที่ต้องการเอาให้แฟนของผม
เธอเป็นหญิงสวยมาก เป็นดาวคณะของมหาลัยของเรา
ก่อนผมจะออกไปพบเธอ
>>เธอโทรมาหาผม
ผมจึงวางผ้าเช็ดหน้าที่ผมบรรจงพับไว้บนโต๊ะ
หลังจากการพร่ำบอกรักกันด้วยถ้อยคำหวานหูเป็นเวลานานทีเดียว
ผมปรี่ออกจากบ้านไปหาเธอ
โดยไม่ลืมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
ผมเห็นพ่อของผมถือมันออกมา
ในผ้าผืนนั้นมีรอยเลือด
พ่อ ทำอะไรหนะ” ผมโพล่งถามด้วยความโมโห

พ่อหน้าซีดทันที
นายเหมียวหนะ มันโดนกัด พ่อเลยเอาผ้าไปเช็ดเลือด”
“พ่อรู้ไหม ผมกำลังจะเอาไปให้แฟน ไ
พ่อเงียบ ผมเกลียดจริงๆ เวลาพ่อเงียบเมื่อจนกับปัญหา
ความโหโหสั่งผมให้ทำได้แม้กระทั่งจะตบหน้าพ่อ
พ่อเบือนหน้า
พ่อขอโทษ มานี่…..” พ่อยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้า
พ่อจะเอาไปซักให้เอง”
ผมงอนพ่อถึงกับไม่ยอมคุยกับพ่อเป็นเวลานานพอควร
ไม่ยอมลงจากบ้าน
เป็นเวลาเกือบทั้งสองวันที่ผมไม่เจอหน้า
ใคร หมกตัวอยู่กับห้อง
>> >>>>>> >>>มีเพียงแม่เท่านั้นที่คอยส่งข้าวให้ผม
ยามเมือ่ผมมองตาแม่ครั้งใดทุกครั้ง
ดวงตาแม่จะแดงปรี่ด้วยน้ำตา
ผมเริ่มรู้สึกว่า บางทีผมอาจจะทำเกินไป
14 กุมภาพันธ์

>> >>ตั้งแต่ครั้งที่ผมเห็นแม่เสียใจ
ผมก็รู้สึกว่าผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
ผมยอมออกมาจากห้อง
ผมไม่เห็นพ่อ
>>เดินออกมาที่บริเวณลานซักผ้า
>>> >>>>กาละมังยังมีผ้าที่ยังไม่ซักหลายผืน
> >>>> > >>ข้างๆ มีกองเลือดอยู่
>และที่ราวตากผ้ามี
> >>ผ้าเช็ดหน้าของผม
>>ถึงจะล้างรอยเลือดไม่หมด
>> > >>ก็ยังดีที่พ่อยังห่วงใยผม ยังแคร์ผมอยู่
>>พ่อ ผมอยากขอโทษครับ
>> >>หันหน้าจะกลับเข้าบ้าน ก็พบกับแม่
>> >>>>>>แม่ร้องไห้มาแต่ไกล
>> >>วิ่งมากอดผม
>> > >>” พ่อเสียแล้วนะ ”

>>ผมอึ้ง
แม่ลำดับเหตุการณ์ และทำให้ผมทราบว่า
>>> >>พ่อป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจติดเชื้อ
>> > >>รอยเลือดที่เห็นนั้นคือเลือดที่พ่อจาม
>>> >>ออกมา พ่อมองไม่เห็น
>> > >>”พ่อกำชับแม่มาตอนที่ลูกโกรธว่า
อย่าบอกลูกเด็ดขาดว่าพ่อป่วย ”

>>”ทำไมล่ะครับ”
>> >>”พ่อกลัวเราจะเสียใจ
แล้วไม่ได้ออกไปเที่ยวกับแฟน”

>>ผมอึ้งเป็นครั้งที่สอง
>> >>”พ่อบอกแม่ด้วยว่า ถ้าพ่อเสียวันนี้
>>อย่าเพิ่งบอกลูก
> >>ให้ลูกไปเที่ยวกับแฟนก่อน
>>พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นทุกข์
>>
>>>พลาด
>
>> >>โอกาสอย่างนี้เพราะพ่อคนเดียว
>>พ่อบอกด้วยว่าพ่อซักผ้าเช็ดหน้าให้แล้ว
มันไม่สะอาดหรอก
>> > >>แต่พ่อบอกว่าพ่อของลูกทำ
>> >>ดีที่สุดแล้ว”
> >>ผมกอดแม่ ร้องไห้
วันนี้จะเป็นวันวาเลนไทน์ที่อยู่ในความทรงจำตลอดไป
>>พ่อครับ ผมขอโทษ…….


** ฉันอายตัวเองว่า
ในขณะที่ท่านให้ ชีวิตใหม่กับเรา แต่เราช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย***



ยายซุบ สามร้อยยอด เป็นหญิงชาวบ้านวัย 70 แห่ง บ้านคุ้งโตนด อำเภอกุยบุรี จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์
ยากจนมาตังแต่ยังสาวจวบจน วันนี้ หากแต่ํกลับยืนยันว่า
ํมีอดีตที่มีความหมายต่อชีวิตของแก อดีตที่ หมายถึงชีวิตใหม่
ไม่ว่าแกจะยังจนต้องขอเงินลูก ๆ 9 คนใช้
ดังเช่นทุกวันนี้หรือจะมั่งมีศรีสุข ถูกหวยรวยเบอร์อย่างไรก็ตาม แกไม่เคยลืม
เหตุการณ์ครั้งนั้น เหตุการณ์ที่ล่วงเลยมานานกว่า 40 ปี
การเสด็จพระราชดำ4นเยี่ยมเยียนราษฏรบ้านคุ้งโตนด อำเภอกุยบุรี ไม่เพียงทำให้
หมู่บ้านที่ยากจน ล้าหลัง ไม่มีแม้ถนนที่จะติดต่อกับโลกภายนอก ได้มีชีวิตที่ดี ขึ้น
หากแต่การเสด็จพระราชดำ4นในครานั้นได้ทำให้หญิงคนหนึ่งมีชีวิตยืนยาวต่อ
มาจนถึงวันนี้

สมัยยังสาวยายเคยไปรับเสด็จในหลวง
ใช่ไหม ?

ยาย-ใช่ ตอนนั้นไปรับเสด็จที่ตีนถ้ำไทร
ในหมู่บ้านเรานี่แหละ ท่านเสด็จฯ มาทางเหนือ ไอ้เราป่วยเป็นไส้ติ่ง ปวดท้องมา
ครึ่งเดือนแล้ว แต่ไม่รู้หรอกนะตอนนั้นว่าเป็นไส้ติ่ง ปวดท้องนอนซม คนในบ้านบอก
ในหลวงจะมา เราก็อยากเห็น อยากไปรับเสด็จ แต่ปวดท้องจนเดินไม่ไหว


เดินไม่ไหว แล้วไปยังไง ?

ยาย-ก็ให้คนหามไป ใส่เกวียนไปเลย

ทำไมถึงเลือกไป เฝ้าในหลวง ไม่ไปหาหมอ ?

ยาย-ไม่รู้สิ คืออยาก เห็นตัวจริง ๆ ใกล้ ๆ นะ คิดในใจว่ายอมตายได้
แต่ขอไปรับเสด็จก่อน แลกตัวแลก ชีวิตกันเลย พูดง่าย ๆ ว่าวัดดวงเอาเลย
อีกอย่างตอนนั้นถ้าเราไปหาหมอก็ลำบาก เพราะน้ำแห้ง เรือเครื่องก็ไม่มี
ถ้าไปก็คงไปไม่ถึง มันคงจะตายก่อน

แล้วตอนนั้นได้ถวายอะไรท่านบ้างไหม ?
ยาย-ยกมือพนมยังจะไม่ไหวเลย จะให้ถวายอะไรอีก (หัวเราะเสียง ดัง)


แล้วได้เห็นท่านไหม ?

ยาย-ก็ได้เห็นท่านอยู่ แต่ก็เห็นห่าง ๆ แล้วก็เห็นไม่นานเพราะว่า
พระองค์ท่านต้องเสด็จฯ ไปที่ตีนเขาอีกลูกคนละฟาก ทรงไปดูเรื่องที่จะระเบิดเขาทำ
ทางเข้าออกหมู่บ้าน

ไส้ติ่งเรากำลังจะแตก แล้วรอด
มาได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้น ?

ยาย-ตอนนั้นไส้ติ่ง
กำลังจะแตก เงินสักบาทก็ไม่มีติดตัว พอดีว่าพระราชินีท่านทรงเยี่ยมเยียนราษฏร
แล้วทอดพระรเห็นเรานั่งหน้าซีด พิงเพื่อน คือได้ตอนนั้นมันไม่ไหวจริง ๆ ท่าน
ทอดพระรเห็นก็คงสังเกตได้ว่าอาการเราไม่ดี พระองค์ก็ถามว่า เป็น อะไร ?
ท่านบอกให้พูดธรรมดาก็ได้ เราบอกว่าเจ็บท้อง
พระองค์ท่านตรัสถามต่อว่า เจ็บมากี่วันแล้ว ? เราก็บอก ว่า
เจ็บมาครึ่งเดือนเห็นจะได้ ท่านก็เลยบอกให้หมอที่มาด้วยตรวจดู

แล้วหมอว่ายังไง ?

ยาย-
หมอบอกว่าไส้ติ่งกำลังจะแตก พอหมอบอกอยางนั้น พระองค์ท่านก็ทรงติดต่อไปที่
ในหลวงซึ่ง ทรงอยู่ที่ตีนเขาอีกลูก

รู้ได้ยังไง
ว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงติดต่อไปที่ในหลวง ?

ยาย-รู้สิ เพราะเห็นในหลวง พระองค์ท่านทรงวิ่งจากตีนเขาลูกโน้นมาเลย
ห่างกัน ถึง 1 กิโล ( แค่นี้ก็ตื้นตันแทนคุณยายแล้ว)


รู้สึกอย่างไรบ้างในตอนนั้น ?

ยาย-ดีใจแล้วก็ปลื้มใจแบบมาก ๆ ไอ้ตอนแรกคิดว่ากำลังจะตายนี่ คิดว่าตัว
เองรอดแน่ มันมีกำลังใจ คิดว่าขนาดพระเจ้าแผ่นดินยังเอาใจใส่เราขนาดนี้ เราจะ
ตายไม่ได้

พอในหลวงเสด็จมาถึง ทรงตรัสว่าอย่างไร
หรือไม่ ?

ยาย-ท่านให้เอา ฮ. มารับ ท่านตรัสว่า
เดี๋ยวเราจะกลับทางเรือเอง ให้เอาคนไข้ไปส่งก่อน พอพระองค์ท่านตรัส หมอสองคนก็
หิ้วปีกเราไป ในหลวงท่านทรงเมตตาเราไปจนถึงเครื่อง พอเราขึ้นไป ก่อนที่ ประตู ฮ.
จะปิด เราก็มองลงมาเห็นในหลวง ท่านทรงโบกพระหัตถ์ เราซาบซึ้งมาก ยิ่ง
บอกตัวของเราเลยว่าเราจะตายไม่ได้

ถ้าไม่มีในหลวง
ในวันนั้น ก็ต้องตายแน่ ?

ยาย-แน่นอน ไม่ต้องอะไร
หรอก หมอบอกว่า มาช้ากว่านี้แค่ 2-3 นาที ก็ไม่รอดแล้ว
แล้ววันนั้นอย่างที่บอกว่าเรือเครื่องก็ไม่มี น้ำก็แห้ง ไม่รู้ใช้เวลาครึ่งวัน
จะเดินทางไปถึงโรงพยาบาลหรือเปล่า ถ้าในหลวงไม่เสด็จมาที่นี่ วันนั้นก็ตายแน่
ตายทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไรตาย

เหมือนกับได้ชีวิตใหม่ ?

ยาย-ใช่
ชีวิตทุกวันนี้ ถึงฉันแก่แล้ว
แต่เมื่อนึกถึงวันนั้นทีไรรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ทุกที ตอนนั่ง ดูโทรทัศน์
เวลาเห็นท่าน เราก็จะพนมมือไหว้ตลอด รู้สึกว่าท่านได้มอบชีวิตใหม่ ให้กับเรา


ตอนนั้นอยู่บน ฮ. เป็นอย่างไร บ้าง ?

ยาย-จำไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าพอบินขึ้นไปพัก ใหญ่หมอก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง
เราพูดไม่ค่อยไหว แต่ก็บอกไปว่าปวดท้อง บน ฮ. นอก จากเรา ก็มีหมออีก 2 คน แล้วก็คนขับอีก 2 คน จำได้แค่นี้ล่ะ


ฮ. พาไปที่โรงพยาบาล ไหน ?

ยาย-โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ เพชรบุรี

แล้วพักอยู่กี่วัน ?

ยาย-
ปกติคนเป็นไส้ติ่งทั่วไปเขาพักกัน 3-4 วันก็ออกได้แล้ว
แต่เราเป็นหนักต้องพักถึง 24 วัน ถ้าในหลวงไม่ช่วยก็ตาย แน่
แล้วถ้าเราตาย ลูกเต้าก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง ในหลวงท่านทรงเมตตา ทรงดูแลเรา อย่างดี
ห้องที่เราพักอยู่นี่ดีมาก เป็นห้องพิเศษเลย พูดตรง ๆ ว่า ดีกว่าบ้าน ที่ฉันอยู่อีก
หมอก็นิสัยดี พูดจากับเราเพราะแล้วก็ใจดี

** ในหลวงท่านทรงห่วงใยเรามากมีคนมาเยี่ยม ถามอาการ
ถามสารทุกข์สุขดิบทุกวัน
บุญนำ
ตื่นขึ้นมาตอนสาย ๆ ของวันเสาร์
เขารู้สึกปวดหัวและเมาค้าง 7่องจาก
เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย
แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาพบว่ามียาแก้ปวดหัว ไทลินอล 2 เม็ด
กับน้ำหนึ่งแก้ววางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง
เสื้อผ้าที่เขาใส่เมื่อคืนนี้
ได้ถูกซักสะอาดและรีดอย่างเรียบร้อย ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนอนถูกจัดไว้เป็นระเบียบ
ขณะที่เขาเอายาขึ้นมากิน
เขามองเห็นโน้ตวางอยู่บนโต๊ะมีข้อความว่า

ที่รัก
อาหารเช้าของคุณอยู่ในเตา
กาแฟอยู่ในกระติกน้ำร้อน

ฉันไปซื้อของที่ตลาดประเดี๋ยวกลับมา


รักคุณมากที่สุด ”


บุญนำขยี้ตาแล้วลองหยิกแขนตัวเอง
เมื่อรู้ว่านี่ไม่ใช่เขาฝันไปแน่นอนจึงเกิดความสงสัย ” มันเกิดอะไรขึ้น ? ”
โดยปกติ
เขาจะมีปากเสียงกับภรรยาของเขาทุกครั้งที่เขาเมากลับบ้าน
แต่เมื่อคืนนี้เขาเมายิ่งกว่าคืนใด ๆ
แต่ทำไมทุกอย่างมันกลับเป็นตาลปัตรอย่างนี้

เขาเดินเข้าไปในครัว
อาหารเช้ากาแฟถูกเตรียมไว้อย่างดีสำหรับเขา
เมื่อยกมานั่งกินที่โต๊ะอาหาร
เขาพบว่าลูกชายนั่งกินอาหารเช้าอยู่ก่อนแล้ว

บุญนำ :
เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น ?

ลูกชาย :
เมื่อคืนนี้พ่อกลับบ้านตอนตีสาม พ่อเมามากเดินโซเซชนตู้แตก เก้าอี้หัก แล้วพ่อยังอาเจียนเลอะบ้านไปหมด

บุญนำ :
จริงเหรอ ? แม่ไม่โกรธหรือ ?
ลูกชาย :
แม่ลงมาดูแล้วโกรธมาก แม่ลากพ่อไปยังห้องนอน
แล้วแม่ก็ถอดกางเกงที่เลอะอาเจียรของพ่อออก

บุญนำ :
แล้วไงต่อ ?
ลูกชาย : พ่อไม่ยอมให้แม่ถอด
พ่อได้แต่พูดว่า ” คุณ คุณ อย่าดีกว่า
ผมมีเมียแล้ว ”
ปีนี้คุณหมออารีย์มีอายุได้ ๗๗ ปีแล้ว เป็นคนร่างเล็ก
ผิวพรรณดี หน้าตาแจ่มใสดูราวคนอายุ ๕๐ ต้น ๆ หลายปีก่อนท่านป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
จึงตัดสินใจเดินทางกลับเมืองไทย คุณหมอเลือกที่จะ ใช้ชีวิตอยู่ในชนบท
และตั้งใจสู้ชีวิตครั้งใหม่ ต่อสู้กับมะเร็งด้วยการไม่ผ่า ตัด
ไม่ฉายรังสี ไม่ยอมให้คีโม แต่ใช้แนวทางแบบธรรมชาติบำบัด
โดยการเปลี่ยน พฤติกรรมการใช้ชีวิต ให้กลับไปสู่ธรรมชาติให้มากที่
สุด



คุณหมอปฏิบัติตัวสม่ำเสมอ ตั้งแต่การเลือกกินอาหารเฉพาะผัก
ผลไม้ การกินวิตามินเสริม การออกกำลังกาย การ ล้างพิษ การพักผ่อน
ทำตัวให้อารมณ์ดีไม่เครียด มองโลกในแง่บวก ความตั้งใจที่จะ
มีชีวิตต่อไป และที่สำคัญคือกำลังใจจากครอบครัว




สามเดือนผ่านไปคุณหมออารีย์รอด พ้นความตายจากมะเร็ง
ทุกวันนี้คุณหมอใช้ชีวิตใน
บ้านไร่แห่งหนึ่งของจังหวัดสกลนคร
คอยให้ความช่วยเหลือชาวบ้านยากจนที่ป่วยเป็น มะเร็ง
ในขณะที่มีผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายจากทั่วประเทศหลายคนเดินทางมาหา
ท่าน คุณหมออารีย์บอกว่า
คนเป็นมะเร็งส่วนใหญ่จิต ใจจะห่อเ่ยว และสิ้นหวัง แต่ การ
รักษามะเร็งนั้นจิตใจสำคัญที่สุด
เราต้องทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมี
ความหวังที่จะมีชีวิตต่อไป
แต่ยอมรับว่าโอกาสที่ผู้ป่วยมะเร็งจะหายได้นั้น ท่าน
ช่วยได้เพียงครึ่งเดียว คือการจัดหาวิตามิน เกลือแร่ชนิดต่าง
ๆที่เป็นประโยชน์ ต่อการสร้างภูมิต้านกิน
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับตัวคนไข้เอง ที่จะยอม
ปฏิบัติตามแนวทางการรักษา ๗ อ ของท่านหรือไม่





อ ที่ว่านี้คือ ควบคุมอาหาร เอาพิษออกจากร่าง กาย อารมณ์ดี
ไม่เครียด สูดอากาศบริสุทธิ์ เอนกายหรือการพักผ่อนให้เพียงพอและ
อิทธิบาทสี่





ผู้ป่วยมะเร็งหลายคนที่
ได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ หลายคนเสียชีวิต
แต่หลายคนที่ปฏิบัติอย่างจริงจังอาการ ดีขึ้น
มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ คุณหมอบอกกับเราว่า มะเร็งไม่เคยให้โอกาสกับใครเป็น
ครั้งที่ ๒ ขณะที่มะเร็งกำลังเป็นโรคฮิตที่ไต่ขึ้น
อันดับหนึ่งในยุคปัจจุบัน ลองพิจารณาบทสัมภาษณ์ครั้งนี้
แล้วคุณอาจจะรู้ว่า จะ
เริ่มต้นดูแลสุขภาพอย่างจริงจังของคุณและคนใกล้ชิดอย่าง ไร












คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านไหนครับ

ผมเป็นหมอผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ผม
จบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและที่มหาวิทยาลัยมอสโกด้วย
ผมสอนนักศึกษาปริญญาเอกที่ฮาร์วาร์ดมาเป็นเวลา ๓๐ ปี





ทำไมคุณหมอจึงตัดสินใจเดินทางกลับเมือง ไทย


ผมตั้งใจจะกลับมาตั้งนานแล้ว พอ
ดีเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย ทีแรกนึกว่า เป็นนิ่ว ปัสสาวะมันขัด พอไปเอกซเรย์ดู ต่อมลูก หมากโตเบ้อเริ่ม
เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็งผมก็
ตัดสินใจกลับมาตายเมืองไทย อยากกลับมาหาแม่ และอยากกลับมาอยู่ ป่า
เพราะอยู่ป่าคอนกรีตมา ๓๐ กว่าปี แล้ว

ตอนเป็นมะเร็ง
หนัก ๆ จะตายแล้ว
ลูกสามคนไปให้กำลังใจ ตอนนั้นผม คิดว่าคงอยู่ไม่ถึงอาทิตย์
พอลูกเตือนสติว่า ไหน
ป๋าบอกว่าจะมีอายุอยู่ถึง ๑๒๑ ปีให้ได้ ป๋าผิดคำพูด สู้ไม่ จริง
… นั่นแหละ
จึงได้คิดว่าจะลองสู้ดูสักตั้ง ไหม มะเร็งไม่เคยให้โอกาสคนครั้งที่
๒ ผมไปซื้อ รองเท้ามาฝึกเดิน
แล้วคิดว่าจะแก้เรื่องเครียดยังไง เพราะ ความเครียดเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งที เดียว
คิดไม่ออก นอนปลงอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ คิดว่าถ้ากูตาย ลูกจะรู้หรือเปล่า ใครจะไปบอก
เพราะผมอยู่ในป่าคน เดียว จนกระทั่ง
คิดหาวิธีแก้เครียดได้ คือการ คิดแบบตรงกันข้าม
เช่นมีคนมาลักวัวเรา ก็ไม่
ต้องเครียด ถือเสียว่าได้ชดใช้กรรมกันในชาตินี้
เพราะชาติที่แล้วกูไปลักของเขา มา หรือมีคนด่าเรา ถือเราได้บุญ เพราะช่วยให้คนที่
ด่าเราหายเครียด ได้ระบายอารมณ์ พอคิดได้ อย่างนี้ ตอนหลังคิดอะไรเป็นตรงกันข้ามหมด
คิดว่า เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อลูกนะ
และแม่เรายังอยู่ เราจะตายก่อนแม่ได้อย่าง ไร และแม่เราเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่รู้จักรักษา สุขภาพตัวเอง
แต่เราเป็นหมอ จะมาตายกับโรคโง่ ๆ อย่างนี้ไม่ได้ เราอายแม่ อาย
หมาด้วย หมายังไม่เป็นมะเร็งเลย เมื่อมันเป็นแล้ว ถ้าเรายังแก้ไม่ได้ เราไม่ใช่คน
แต่เราก็รู้ว่าการ ที่จะสู้
ต้องสู้ด้วยจิต ฝึกจิตให้ได้ เริ่มคิดไปในทางบวก อะไรก็ดีหมด
ทุกอย่าง



มะเร็งนี่ถือว่าทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป
เลย

ใช่ครับ แต่ก่อนผมเป็นคนดุมาก
อารมณ์เกรี้ยวกราด ไม่ยอมคน เ้ยมมากจนลือชื่อ เลย
ผมได้คิดว่าความเ้ยม สิ่งแวดล้อม บวกกับการ
กินอาหารซึ่งผมกิน7้อแบบฝรั่งตลอด ทำให้ผมเป็นมะเร็ง
แต่พอป่วย
เรารู้ว่าจะหายจากมะเร็งได้จิตต้องเปลี่ยน นิสัยการกินต้อง
เปลี่ยนอย่างเด็ดขาด เท่านั้นแหละ
ดีวันดีคืน ค่า มะเร็งลดลงอยู่แค่ ๗ จาก ๕๗๑
ซึ่งเป็นค่ามะเร็งระดับสูง ผมรักษาตัวอยู่ ๓ เดือนกว่า หายเลย โรคอื่นก็พลอยหายไปด้วย
เบาหวานก็ ไม่เป็น โรคเกาต์ที่ต้องกินยามา ๒๐ กว่าปี ตอนนี้ หายหมด
คิดถึงมันมากเลย
คือ เรา ไม่กิน7้อ ไขมัน กินแต่ผัก ผลไม้ เกลือแร่และ
วิตามิน ผมอยู่ในป่า
อาหารที่กินประจำคือ ข้าวกล้องและใบบัวบก บางทีก็มีคนซื้อกล้วย
ซื้อส้มมาฝาก บ้าง




ทำไมจึงกินเฉพาะข้าวกล้องกับใบบัวบก ครับ


เพราะแถว นั้นไม่มีอะไรจะกิน เราอยู่คนเดียวในป่า
ผมอ่าน หนังสือเจอว่า
คนอายุยืนที่สุดในโลกเป็นคนจีน ชื่อศาสตราจารย์ลียุนชุง เกิด ปี ค
. ศ . ๑๖๗๗ ตายเมื่อ ปี
ค . ศ . ๑๙๓๓
เขากินมังสวิรัติ
ที่กินอยู่เป็นประจำคือโสมจีนและใบบัว บก ตอนอายุ ๒๐๐ ปียังไปบรรยายที่มหาวิทยาลัย ซินเกียง ๒๘
ครั้ง ท่านเสียชีวิตตอนอายุ ๒๕๖ ปี หน้าตาท่าทางเหมือนกับคน อายุ
๕๐ ปีแค่นั้น ท่านบอกว่าเป็นเพราะ
อาหาร และความไม่เครียด ตามจริงถ้าจะรักษามะเร็ง กิน แค่นั้นไม่ได้
ต้องกินวิตามินจำนวนมากช่วยด้วย แต่
ว่าจิตเราได้ เราต้องอยู่เพื่อแม่นะ จิตเราต้องสู้นะ
วันนี้เดิน ๑๐ ก้าว พรุ่งนี้ต้องเดิน ๑๕ ก้าวให้ได้
มะรืนนี้ต้อง ๒๐ ก้าวให้ได้ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฝึกหายใจนะ อยากจะมี ชีวิตอยู่ อยากจะหาย

แต่
ก่อนมีความคิดว่าตายเมื่อไหร่ก็ช่างมัน ทรมานเหลือเกิน
ไม่รู้อยู่ทำไม มีแต่ สิ่งไม่ดีในโลกนี้ เบื่อหน่ายเหลือเกิน
คือมองไปทางไหนก็เป็นลบ หมด เดี๋ยวนี้มองอะไรเห็นเป็นสีชมพู สีเขียว สด ชื่นไปหมด
คนด่าก็ยิ้ม มีความสุข
ฉะนั้นทุกวันนี้ ผมมองโลกในแง่บวก มะเร็งทำให้เราคิดว่า
การสู้กับมะเร็ง ใครชนะมะเร็งได้ เหมือน คนนั้นตรัสรู้แล้ว
พออาการมะเร็งเริ่มดีขึ้น ๆ รู้
ทันทีว่าทำไมจิตใจเราเห็นอะไรดีไปหมด ผมไปสะดุดมีด สะดุดพร้า เท้าแหกเลย เรายังขอบคุณมัน
ที่ช่วยเตือนสติว่าจะเดินไปไหนต้องระมัด ระวังทุกย่างก้าว
ทีหลังอย่าซุ่มซ่ามแบบนั้น คิดเสียว่าเป็นมะเร็งก็ดีนะ ถ้าไม่
เป็นมะเร็ง เราคงเป็นคนเ้ยมโหดเหมือนเก่า





คุณหมอรักษาตัวอยู่ ๓ เดือนหายเลย
ใช้วิธีคุมการกินอาหารและไม่ เครียด
… ใช่ไหมครับ
อาหารเราต้องงด7้อสัตว์เด็ดขาดเลย
งดอาหารปรุงแต่ง 7้อปลาก็ไม่ กิน
ในช่วงนั้น เราต้องถนอมตับที่สุด เพราะตับเป็น
อวัยวะที่เป็นฐานทัพใหญ่ ถ้าตับเราไม่ดี เสร็จเลย ร่างกายจะฟื้นไม่ได้
ตับสำคัญที่สุด วิธีถนอมตับคืออย่ากินมาก อย่า
สะสมพิษให้ตับทำงานหนัก อย่าท้องผูก กินอาหาร โปรตีนเข้าไปเยอะ ๆ ตับก็ทำงานหนัก
เมื่อตับเราดี มันสามารถช่วยอย่างอื่นหมด
ไตก็ผลพลอยได้ประโยชน์ด้วย เดี๋ยวนี้หน้าตาเราสดใส เมื่อก่อนหน้าตาเราโทรม
ดังนั้นความเครียดจึง เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องจัดการให้ได้





หากแก้ปัญหาเรื่องเครียดได้แล้ว
โอกาสหายจากมะเร็งก็สูง ขึ้น



ก็เรา
เคยเห็นคนบ้าเป็นมะเร็ง เป็นเบาหวาน ความ ดัน
หรือท้องเสียไหมล่ะ ขนาดเขาหาของกินจากถังขยะ

เคยเห็นคนบ้าเป็นมาลาเรีย หรือไม่
แต่อย่าไปตรวจเลือดนะ เชื้อมาลาเรียเต็ม เลย
แต่เชื้อทำอะไรเขาไม่ได้ เชื้อโรคเหล่านี้ความ จริงมันเป็นเพื่อนเรา
ฉะนั้นจิตเป็นเรื่องสำคัญ ทำ อย่างไรไม่ให้เครียด

มีแม่ชีคนหนึ่งมาพบผม เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว
ทีแรกบวชเพราะต้องการทำสมาธิ
แต่ทำไม่ได้ คอยแต่คิดถึงกิจการโรงงานที่ กรุงเทพฯ
ห่วงลูกที่ยังเรียนหนังสือ ผมบอกว่าปล่อย วางซะเถอะครับ ตัดเรื่องเครียดอะไรได้ ตัด เถอะ จากเดิมที่อาการหนักใกล้จะเสียชีวิตอยู่แล้ว
เพราะเป็นมะเร็งที่เต้านม แล้วเข้าปอด เข้าสมองแล้ว พูดก็เบลอ ๆ
ปรากฏว่าตอนหลังปฏิบัติเรื่องจิตได้
ไม่เครียด ตอนนี้หาย ไม่มี อาการอะไรเลย เห็นว่าครั้งหลังสุดไปทำสแกนดู ปรากฏ
ว่าเซลล์มะเร็งหดลงแทบมองไม่เห็นแล้ว สุขภาพก็ดี
ตอนนี้จิตเขาสบายมาก เลย




เมื่อคนไข้หายเครียด มองโลกในแง่บวก
ทำไมร่างกายจึงดี ขึ้น

หากท่าน สามารถทำให้จิตของท่านมองโลกในทางบวก
หรือทำให้จิตของท่านมี สมาธิ ตัวจิตนี้จะไปกระตุ้นต่อมพิทูอิตารี ให้
หลั่งโกรทฮอร์โมนมา
พวกนี้เป็นฮอร์โมนที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ไป
กระตุ้นต่อมไทรอยด์ ต่อมแอดดินอล ให้ขับแต่ฮอร์โมนชนิดดี ๆ
ออกมาเพื่อจะไป กระตุ้นให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงาน จนกระทั่งต่อมต่าง ๆ
ที่ผลิตภูมิต้านกินหรือเม็ด เลือดขาว ทำงานได้เต็มที่
คือ มันเริ่มมา จากจิต
เมื่อจิตคิดดีทำดี หรือสามารถทำสมาธิได้
สมองส่วนนี้ก็จะขับฮอร์โมน ที่เป็นประโยชน์ออกมาทันที
แต่ถ้าจิตมองโลกในทาง ลบ
สมองส่วนนี้แทนที่จะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนชนิดดีออก มา
มันไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้ผลิตฮอร์โมนอะดรินาลิ น
ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกิดจากความเครียด
ทำให้ผลิตเม็ดเลือดขาวที่อ่อนแอออก มา แล้วอย่าลืมว่าโกรทฮอร์โมนประกอบไปด้วยกรดอะมิ โน ๑๙๑ ชนิด
แต่ท่านไม่ต้องเที่ยวหาซื้อกรดอะมิโน
พวกนี้มากิน มันอยู่ที่ตับเรา
สามารถสังเคราะห์ได้ หมด การที่จีนฝังเข็มหรือกดจุดก็เพื่อต้องการให้ ตัวนี้หลั่ง
คนไข้จะได้ไม่เจ็บปวด




ฝึกอย่างไรให้เป็นคนมองโลกในแง่บวก

คนที่เคยเครียดมาแล้ว จะเปลี่ยน ทันทีไม่ได้
ผมหายจากมะเร็งได้ ผมโชคดีมาก อาทิตย์
เดียวผมเปลี่ยนจิตได้เลย มันเหมือนมีอะไรมาดลใจ รู้ทางเลย แต่ก่อนสอนนักศึกษา สอนได้หมด พอเจอกับ ตัวเอง ลืมหมด
แก้ไม่ถูกเลย พอแก้ได้ อาทิตย์ เดียว
หน้ามือเป็นหลังมือเลยทั้งที่จะตายอยู่แล้ว ตอนนั้นแหละที่ว่าผมหนัก มากๆ ลูกสามคนมาเยี่ยม ช่วงนั้นผมใกล้จะเสียชีวิตแล้ว
ลูกสามคนมาให้กำลัง ใจ
ผมก็คิดว่าถ้าเราจะสู้ซักตั้ง เราจะรอดมั้ย เพราะ
มะเร็งไม่เคยให้โอกาส ใครครั้งที่ ๒ อีกเลย
ก็ลองดู วันนั้นนอนหมด กำลังใจอยู่ ก็คิดได้
หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์
แก้เรื่องจิตได้ ก็หายวันหายคืน กระทั่งทุก วันนี้ ความเกลียดชัง ความเครียด
หรือมีอะไรมากระทบจิตใจ อยู่ในตัวผมไม่เกิน ๑ นาทีเด็ดขาด ผมต้องแก้ให้ได้
เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ เป็นตรงกันข้ามทันที

พระพุทธองค์ท่านบอกว่า
จิตอยู่ที่ไหน พลังอยู่ที่นั่น ไอน์สไตน์มีความเชื่อว่า พลังที่รุนแรงที่สุด
มีอำนาจที่สุดในโลก นี้ สู้พลังจิตไม่ได้ แม้แต่ตัวท่านเองที่สามารถ คิดค้นปรมาณูได้ว่ามีพลังมหาศาล
แต่ก็สู้พลังจิตไม่ได้ ท่านจึงหันมานับถือศาสนาพุทธ กินมังสวิรัติ
เพื่อที่จะได้ศึกษาเรื่อง จิต
ปรากฏว่าไม่มีใครที่จะให้ความรู้ให้ท่านได้เพียงพอเกี่ยวกับแนวทางการทำ
สมาธิ ท่านก็เลยไม่สำเร็จ เสียชีวิตก่อน
ผมติดใจที่ไอน์สไตน์นับถือศาสนาพุทธ ทั้ง ๆ ที่เป็นยิว





ตั้งแต่เป็นมะเร็ง
คุณหมอไม่ได้รักษาทางแพทย์แผนปัจจุบันเลยใช่ไหมครับ
หรือว่าเคยรักษาแล้วแต่ไม่ได้ผล
ไม่รักษาเลย เพื่อนบอกว่าต้องผ่า ตัดก็ไม่เอา
เพราะมันไม่ใช่ทางนี้ คือเรารู้มา
อย่างละเอียดแล้วว่าเราชนะจิตใจเราได้มั้ย ถ้าเราควบคุมจิตเราได้
ก็ จบ แต่ถ้าเราควบคุมไม่ได้ เราก็ตาย
ผมมีเพื่อนเป็นโปรเฟสเซอร์ทั้งผัวเมีย
เป็นมะเร็งตายทั้ง คู่ เขารักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน คือผ่าตัดและคี โม
แต่ผมไม่เอา
อันที่จริงผมสนใจเรื่องการรักษาแบบ ธรรมชาติมานานแล้ว
แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ จนกระทั่งเป็นมะเร็ง แล้วสนใจมาทดลองกับ
ตัวเองจนหาย ตอนหลังมีโอกาสได้ใช้กับคนไข้เยอะ มาก ก็เห็นว่ามีผลดีและหายแบบยั่งยืนเสียด้วย ก็
เลยศึกษามาเรื่อย ๆ




หลักการรักษามะเร็งของคุณหมอนอกจากเรื่องความเครียดแล้ว
ยังมีอะไรอีก บ้าง
วิทยายุทธ์ที่เราจะสู้กับ มะเร็งอันดับแรก คือ หยุดการขยายตัว
ของมะเร็งด้วยการควบคุมอาหาร อย่างแรกคือลดไขมันให้น้อยที่ สุด
เพราะ
ไขมันเป็นอาหารอันดับหนึ่งที่ มะเร็งชอบที่สุด
ตามปรกติในข้าว พืชผัก
ทุกชนิด มีไขมันเพียงพออยู่แล้ว ที่เราเกิดโรคภัย ไข้เจ็บทุกวันนี้เพราะไขมันเกิน
ไขมันที่เรากินทุก วันมันเกิด ออกซิได ซ์
เป็นอนุมูลอิสระหมดแล้ว
เพราะการสกัดไขมันเราใช้ความร้อน พอ ถูกความร้อน ไขมันมันเสีย
และไขมันที่ใช้แล้วใช้อีกยิ่งหนักเข้าไปอีก อย่างพวก ปาท่องโก๋
กล้วยแขก พวกนี้เป็นสารก่อมะเร็ง คน อ้วนเวลาเป็นมะเร็งจะลามเร็วมากเพราะมันได้อาหาร
มะเร็งเหมือนต้นไม้เรา อยากให้ ต้นไม้หยุดการเจริญเติบโต
เราต้องหยุดให้น้ำหยุดให้ปุ๋ย มันจะชะงัก ใบร่วงเลย
แต่ต้นไม่ก็ยังไม่ตาย มนุษย์เราเหมือนกัน อย่าให้ อาหารที่มะเร็งชอบ

อาหารอย่าง ต่อมาที่ต้องลด
คือโปรตีนจาก7้อสัตว์และพืชโดยเฉพาะถั่วเหลือง
เมื่อเรากินโปรตีนเข้าไปมาก
และร่างกายนำโปรตีนไปเผาผลาญเป็น พลังงานแล้ว
จะเกิดของเสียคือแอมโม5ย ตัวนี้เป็นตัวร้าย มันเวียนกลับไปทำให้
ตับต้องทำงานหนักเพื่อเปลี่ยนเป็น ยูเรีย
ออกมาทางไตเป็นส่วนมากและออกมาทางลำ ไส้ใหญ่
ทำให้อุจจาระมีกลิ่นเหม็น พิษจากลำไส้ใหญ่ จะถูกดูดซึมกลับเข้าไปในกระแสเลือด
ทำให้ระบบทุกอย่างในร่างกายขัดข้องหมด เลย
คนท้องผูกจะหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี ดัง นั้น ตับกับไตทำงานหนักเพราะกินโปรตีนเข้าไป
โดยเฉพาะคนที่เป็นมะเร็งในตับ ต้องระวังที่สุด





คนปรกติต้องการโปรตีนวันละกี่กรัมครับ

คนปรกติต้องการโปรตีนไม่เกิน ๓๕ กรัมต่อวัน
ฉะนั้นคนที่เป็นมะเร็งลำพังโปรตีนที่ได้จากข้าวกล้อง พืชผัก
ผลไม้ก็ พอเพียงแล้ว พออาการค่อยยังชั่วหน่อย เราก็กินเห็ด
ซึ่งมีโปรตีนสูงและมีเกลือแร่มากที่สุด มีมากกว่า7้อแดงด้วย ซ้ำ

แต่เห็ดที่มีคุณภาพสูงมากที่สุดคือ
เห็ดมิตาเกะ
ที่ญี่ปุ่นขายแพงมาก
มันมีสารที่ป้องกันมะเร็งและสารที่สร้างภูมิต้านทาน สูงมาก
สาร ตัวนี้เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งแต่เป็นโปรตีนที่มี ประโยชน์

อาหารอย่าง
ที่ต้องลดคือแป้งขัดขาว
น้ำตาล ของ หวาน อย่างข้าวขาวนี่เวลาย่อยแล้ว เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้เร็วมาก
หากเราใช้ไม่หมดมันจะ
ถูกส่งไปเก็บไว้ในตับหรือในกล้าม7้อ เวลาร่างกาย ต้องการจะดึงกลับมาใช้อีก
พอเหลือมันกลับไปเป็นไขมัน บางคนบอกว่าฉันไม่ได้กินไขมันเลย ทำไมฉันยังอ้วนก็ไม่ รู้
ก็เล่นกินขนมขบเคี้ยวไม่หยุด
ของพวกนี้มัน เปลี่ยนเป็นไขมัน ได้ ตับเปลี่ยนไขมัน หรือน้ำตาลเป็นโปรตีน
และยังเปลี่ยนน้ำตาลกลับมาเป็นโปรตีนและ ไขมัน












แป้งขัดขาวทำปฎิกิริยากับร่างกายอย่างไร
ครับ

เวลากิน ของหวาน กินข้าวขาวเข้าไป
ร่างกายจะเปลี่ยนเป็น กลูโคส
มาเลี้ยงสมองได้เร็วมาก
สดชื่นได้เร็ว มาก ระดับน้ำตาลขึ้นปรู๊ดเลย พอน้ำตาลในเลือดมาก สมอง จะกระตุ้นให้ตรงนี้ขับ อินซูลิน
ออกมา เพื่อเผาผลาญน้ำตาลที่กินเข้าไปให้เป็น
พลังงาน วิตามินที่จะมาช่วยเผาผลาญ
คือ วิตามินบี
คอมเพล็กซ์ แต่ข้าวที่เรากินเข้าไป ไม่มีวิตามินบีเพราะขัดออกหมดแล้ว
ฉะนั้นต้องดึง
วิตามินในร่างกายออกมาเผาผลาญ ร่างกายเราก็ขาดวิตามินบี
ทำให้ระบบประสาทเกิด เหน็บชาและตับอ่อนทำงานหนักที่สุด
เพราะเมื่อกลูโคสขึ้น สมองไฮโปเท มัส ส่วนนี้สั่งให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินออกมาเพื่อ
เผาผลาญน้ำตาลให้ลดลง และมันผลิตออกมามากซะด้วย
แป๊บเดียวน้ำตาลลดฮวบ เลย เพราะฉะนั้น
พวกกินข้าวขาวหรือของหวานจะหิว ไม่หยุด
ยิ่งกินน้ำตาลมากเท่าไหร่ ตับอ่อนยิ่งทำงานหนัก
ตอนน้ำตาลลดนี่จะอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดเลย
พวกคนอ้วนเป็นเบา หวานต้องระวัง จะดุมาก
ตอนกินจะ อารมณ์ดี พอถูกเผาผลาญหมด
แป๊บเดียวจะอารมณ์เสียแล้ว เหมือนที่โบราณเขาพูดว่า อยากให้หมาดุ ให้กินของหวาน
ช่วงที่มัน กินของหวานจะอารมณ์ดี แจ่มใส พอแป๊บเดียวมันหิว แล้ว ระวังให้ดี มันจะกัดได้
คนก็เหมือนกันเลย ที่
อเมริกาไม่รู้คุกไหน หลายปีมาแล้ว เขาแบ่งนักโทษฉกรรจ์เป็นสองพวก
พวกหนึ่งให้ หยุดกินของหวานหมดเลย กินแต่ขนมปังโฮลวีต
อีกพวกหนึ่งให้กินแต่ของหวาน ปรากฏว่า ภายในอาทิตย์เดียว
พวกแรกนิสัยใจคอเย็นลง ส่วนพวกหลังฆ่ากันเองตายหลาย ศพ





คนที่เป็นโรคไหลตายมีรายงานว่าอาจจะเกิดจากการกินแป้งมากเกินไป
ด้วย

ส่วนมากโรคไหลตายเกิดจากหัวใจหยุด
กะทันหัน พวกที่กินไขมันหรือกินของหวานมาก ๆ ก่อนนอน
หรือกินอาหารมื้อหนักก่อน นอน เมื่อมีไขมันมากอยู่แล้ว
พอกินเข้าไปตอนกลางคืน ไขมันจะเพิ่มขึ้นสูงมาก
จึงมีโอกาสสูงที่ไขมันจะอุดตัน ที่สมองหรือหัวใจ

สังเกตว่าพวกที่ตายกลางคืนทั้งหลาย
ก่อนนอนคืนนั้นมักกินอาหารหนัก ส่วนมากเป็น คนที่มีไขมันในเลือดสูง
อย่างเป็นความดัน ก่อนนอนแทน
ที่จะกินอาหารเบา ๆ หรือกินพืชผักผลไม้ เล่นกินอาหารหนักเลย
พลังงานเมื่อไม่ได้ใช้ ไขมันก็ขึ้นสูง
หัวใจทำงานหนัก7่อง จากกระเพาะทำงานหนัก เรานอนปิดแต่ตา แต่ทุกอย่าง ยังทำงานหนัก
พลังงานก็ไม่ได้ใช้ ไขมันไปเพิ่มอีก คนที่ไขมันมาก ๆ เส้นเลือดตีบอยู่แล้ว
มันจะอุดตันตรงไหนก็ได้ ผมสังเกต
ดู ถ้าคนสุขภาพดี ไม่กรน ไม่ได้เป็นโรคหัวใจกับเส้น เลือดมาก่อน
และไม่ได้กินอาหารหนักก่อนนอน คุณจะไม่เป็นเด็ดขาด แต่ส่วนมาก
พวกที่ไหลตายเป็นคนอีสาน ชอบของหวานมาก การพักผ่อนก็ไม่พอ
ก่อนนอนกินหนัก มาก




นอกจากน้ำตาลแล้ว เกลือก็ต้องลดด้วยใช่ ไหม


โซเดียมคลอไรต์หรือเกลือต้องลดลงให้
มาก ในร่างกายเราประกอบด้วย
โซเดียมสูงมากอยู่แล้ว แต่ถ้าเรากินเข้าไปมาก
พอมันเข้าไปในกระแสเลือดมาก มันจะ ดูดน้ำในตัวเรา

สังเกตพวกกินเค็มหรือไตไม่ดี เท้าจะบวม
เกลือมันจะทำให้เลือดเราเป็น กรด คนที่สุขภาพดี เลือดต้องเป็นด่างนิด หน่อย
แต่ถ้ากินเค็มเข้าไป
เลือดจะเป็นกรดภูมิต้านทาน จะไม่มีเพราะกินเกลือเข้าไปจะไปขับ
โปแตสเซียม
ทำให้เลือดไม่เป็น ด่าง

นอกจากลดกรดแล้ว ให้เพิ่มโปแตส
เซียมเข้าไปในร่างกายเพื่อให้เลือดเป็นด่าง
7่องจากคนที่เป็นมะเร็งจะเครียด ไม่สบาย พอเครียด
ร่างกายจะเกิดกรด จะมีคาร์บอนสูงมาก เราจึง ให้กินน้ำต้ม ผัก
ซึ่งมีโปแตสเซียมสูงที่สุด ที่เราเจ็บ ร่างกายอ่อนเพลีย เพราะเราขาดโปแตสเซียม
แต่
ถ้าตัวใดตัวหนึ่งมากเกินก็ไม่ดี เราต้องดูผล เลือด


การแก้เลือด
เป็นกรด แก้ได้สองอย่าง กินพืชผักผลไม้ให้มากๆเพื่อเพิ่มโปแตสเซียม
อีกอย่างคือ
หายใจเอาออกซิเจนเข้ามามากๆเพราะยิ่งออกซิเจนเข้าไปในเลือดมากเท่าไหร่
ยิ่งทำ ให้เลือดเราเป็นด่าง แต่ถ้าเราไม่ฝึก
หายใจเอาออกซิเจนเข้าไป เลือดเราเป็นกรด
เพราะเลือดเราจะมีคาร์บอนไดออกไซด์สูง มาก
พวกนี้จะปวดเมื่อยร่างกายมาก เขาจึงให้ฝึกหายใจเพื่อเอา คาร์บอนไดออกไซด์
ออกไป แล้วเอาออกซิเจนเข้ามา มันถึงจะหายปวดเมื่อย
มนุษย์อด อาหาร ๔๕ – ๕๐
วันยังอยู่ได้ อดน้ำได้ ๓ – ๕ วัน
แต่อากาศหายใจ ขาด เพียง ๘ –
๑๐ นาทีเท่านั้น อาหารที่สำคัญที่สุดของร่างกายไม่ใช่สารอาหาร
แต่เป็นออกซิเจนที่สูดเข้าไป ทำ ให้เลือดเราเป็นด่าง
การที่เรานิ่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย จะมีคาร์บอน
ไดออกไซด์ในเลือดสูงมาก ทำให้เลือดเป็นกรด มันจะเมื่อย ล้า





คุณหมอพอจะแนะนำหลักการหายใจอย่างถูกต้องได้ไหม
ครับ
เงยหน้าเพื่อให้อากาศเข้ามากที่ สุด
เวลาหายใจเข้าพยายามให้เข้าทางรูจมูกเท่านั้น
เพราะมันจะมีเครื่องกรองคือขน จมูก และจะมีเยื่อเมือก ๆ กรองด้วย
การหายใจเข้า
ให้ปอดพองมากที่สุดสามครั้งติด ๆ กันเลย ครั้งแรก กลั้นไว้ ครั้งที่ ๒
กลั้นไว้ ครั้งที่ ๓ กลั้น ไว้ เหมือนใจจะขาด พอครบสามครั้ง ค่อย ๆ โน้มตัว ลง อ้าปากเอาพิษออกให้หมด
ยิ่งทำบ่อยเท่าไหร่ ปอด
ท่านยิ่งมีพลัง มะเร็งปอดจะไม่เป็น เพราะออกซิเจนเข้าไปเต็มที่
ของเสียออกมาเต็มที่
ปอดมีความจุสองข้างประมาณ ๓ ลิตรครึ่งถึง ๔ ลิตร ครึ่ง
แต่ถ้าเรายังหายใจแบบธรรมดาอยู่
อากาศเข้า ออกเพียงครึ่งลิตรเท่านั้น บางทีของเสียไม่ได้ออกเลย
เหมือนหม้อกรองอากาศไม่เคยเป่าหม้อกรองตัวเองเลย
ปอดของเราคือหม้อกรองอากาศ เราต้องช่วยตรงนี้มาก ๆ
เราเปลี่ยนปอดไม่ได้ แต่เรา ต้องบริหารการหายใจ
จะทำให้ปอดมีประสิทธิภาพที่สุด




แล้วพวกนักกีฬาที่ออกกำลังกายโดยการเตะ
ฟุตบอล

นั่นไม่ใช่การออกกำลังกายที่ให้ ประโยชน์
แต่เป็นการออกกำลังกายที่เกิดโทษแก่ร่างกาย เป็

unaerobic
เราต้องรู้ว่าการ ออกกำลังกายแบบ aerobic
กับ unaerobic เป็นยังไง

การออกกำลังกายแบบ aerobic
ร่างกายต้องเกิดด่างได้ออกซิเจน แต่ unaerobic ได้คาร์บอนไดออกไซด์
ทำให้ร่างกายเกิดกรด ร่างกายเสื่อม คนที่ไปเต้นแอโรบิกทุกวันนี้ยัง ทำผิด เต้น ๆ แล้วเกร็ง
เครียด กลัวจะไม่ถูกจังหวะ ชื่อแอโรบิก แต่ไม่ใช่ แอโรบิก
แอโรบิกทำแบบไหนก็ได้ ไม่ต้องเครียด
ให้ สนุกสนาน ถ้าเครียดร่างกายจะเกิด
กรด ฉะนั้นการแข่งกีฬาทุกวันนี้เป็นการทำลาย สุขภาพ
ทั้งสุขภาพกายและจิต คนไม่เล่นก็สุขภาพจิตเสีย
เพราะต้องลุ้นแข่งขันกัน เครียดมั้ย ฉะนั้นนักกีฬาที่เล่นทุกวันนี้
นักฟุตบอล นักเล่นกล้าม นักวิ่ง มี ใครอายุยืน … ไม่มีเลย เพราะร่างกายมัน เสื่อม
มีการพิสูจน์แล้วว่า การออกกำลังกายที่ดีที่สุดคือการเดินเร็ว
และให้ถูกแสงแดด เพราะมันไม่เครียด ไม่เหนื่อย ไม่เกร็ง
และเป็นการออกกำลังกายชนิดเดียวเท่านั้นที่ทำให้ระบบประสาท
ส่วนกลางได้สมดุล




คนที่เป็นมะเร็งควรจะกินอาหารประเภทใด

อาหารธรรมชาติอย่างพืชผักผล ไม้
มะเร็งไม่ชอบแต่มีวิตามินสู ง
คนเป็นมะเร็งต้อง กินอาหารพวกนี้
คนที่เป็นมะเร็งส่วนใหญ่จะกินอาหารแบบนี้ได้น้อย จึงขาดพวกเกลือ
แร่ เอนไซม์ วิตามิน
ฉะนั้นหมอจึง แนะนำให้กินพวกเกลือแร่ วิตามิน
เอนไซม์เข้าไปช่วย สรุปแล้วคน
เป็นมะเร็งต้องพยายามกินผักผลไม้เพราะต้องการให้ก้อนมะเร็งอดอาหารแต่ไม่ให้ขาด
เกลือแร่ วิตามิน เพราะมันจำเป็น
ส่วนจะเป็นวิตามินประเภทใดก็ต้องให้หมอ ตรวจเลือด
เพื่อจะรู้ว่าร่างกายเราขาดอะไรก่อน




การหยุดขยายก้อนมะเร็งนอกจากการเลือกกินอาหารแล้ว
มีอะไรอีก ครับ

ด้วยการ กินวิตามินซี ตามหลักของแพทย์องค์รวม
เขาบอกว่า วิตามินซีต้องได้อย่างน้อย
๒๐ กรัมต่อ วัน ในร่างกายเรามีเซลอยู่
ประมาณ ๗๕ , ๐๐๐ ล้าน เซล เซลล์ดีจะมีเยื่อหุ้มเซลที่เรียก ว่า …. เหมือนเป็นเสื้อเกราะไม่ให้มะเร็งเข้ามาทำลาย ได้
แต่ถ้าเซลไหนเป็นมะเร็งแล้ว เยื่อหุ้มเซลจะไม่มี
แถมเซลมะเร็งจะสร้างเอนไซม์ชนิดหนึ่งเรียกว่า
… ซึ่งเป็นตัวร้าย เอมไซม์ตัวนี้จะไปทำลาย เสื้อเกราะของเซลอื่น
ทำให้กลายเป็นมะเร็งต่อไป เรื่อย ๆ
แต่พอวิตามินซีเข้าไปในกระแส เลือด
มันจะไปทำลายเอนไซม์ตัวนี้ มะเร็งก็ไม่ขยายตัว นอกจากนี้
วิตามินซี เป็น แอนตี้ออกซิ แดนท์
หรือสารต้านอนุมูลอิสระ มันช่วยลดความเครียดลง ได้
ยกตัวอย่างเช่น คนไข้เจ็บปวด
เวลาฉีด วิตามินซี ทำไมคนไข้สงบเร็วเพราะมันไปลด อีเอสอาร์
หรือลดตะกอนเม็ดเลือด แดง ตะกอนเม็ดเลือดแดงมากเท่าไหร่ หมายความว่าเกิด
การอักเสบหรือเกิดการเสื่อมของร่างกายมากขึ้นเท่านั้น
คนปรกติให้กินวิตามิน ซี ๔ – ๕
พันมิลลิกรัมต่อวัน แต่
ถ้าคนที่อยู่ในเมืองมีมลภาวะ อย่างน้อยต้อง ๖ พันมิลลิกรัมขึ้น
ไป ประเทศที่กินวิตามินซีสูงมาก ประเทศนั้นสุขภาพเขาจะดีมาก
แล้วหน้าตาเขาจะดี ประเทศที่กินมากที่สุดคือสวีเดน รองลงไปคือรัสเซีย
พวกนี้สุขภาพจะดีมาก ทั้งที่ กิน7้อสัตว์มาก





เรากินวิตามินซีจากส้มเพียงพอหรือไม่

ท่านทราบหรือไม่ว่าส้มลูกหนึ่งมี วิตามินซีอยู่ ๑๐๐
มิลลิกรัม หมายความว่าต้องกินจากต้น แต่ ถ้าส้มหนึ่งลูก
เก็บไว้เจ็ดวัน จะเหลือ ๑ มิลลิกรัมเท่านั้น
วิตามินซีหายหมดเลย ดังนั้นถ้า คุณจะกินส้มให้ได้ ๔
พันมิลลิกรัม ต้องกินส้มสี่พัน ลูก




กินวิตามินซีมาก ๆ
ทางการแพทย์บอกว่าอาจจะมีปัญหากับระบบ ปัสสาวะ

1. “ความลับของความสำเร็จ
คือเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับโอกาสที่มาถึง”

2. “ผู้ที่แน่วแน่และมุ่งมั่นจะหาหนทางแก้ปัญหา
ในขณะที่คนอื่นจะหาหนทางแก้ตัว”

3. “มีเพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่จะสามารถพิชิตได้
โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายคือความล้มเหลว”

4. “บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู
ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ”

5. “ไม่มีนกตัวใดบินสูงเกินไปถ้ามันบินด้วยปีกของมันเอง”

6. “อุปสรรคคือสิ่งที่น่าตกใจก็ต่อเมื่อ
คุณไม่ได้มองไปที่จุดหมายปลายทาง”

7. “คนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย”

8. “ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จมากขึ้นหนึ่งเท่าตัว
จงเพิ่มความล้มเหลวเป็นสองเท่าตัว”

9. “แม้แต่การก้าวถอยหลังก็อาจถึงแก่ชีวิตได้”

10. “รางวัลของสิ่งที่เรียกว่ายอดเยี่ยมคือการได้สร้างมันขึ้นมา”

11. “คุณเห็นบางสิ่งบางอย่าง คุณจะพูดว่า”ทำไม”
ในขณะที่ฉันได้เห็นความฝันของฉันซึ่งไม่เคยเป็นไปได้
ฉันพูดว่า “ทำไมถึงไม่มีสิ่งนั้นล่ะ” ไปได้”

12. “สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งใจกับตัวเอง และลงมือทำ”

คนที่เรารัก . . คือคนที่ใช่สำหรับเรา

แต่บางครั้ง. . เรากลับรู้สึกว่าเขาไม่ใช่

คนที่รักเรา. . คือคนที่เราเพียงมองผ่าน

แต่เขา. . กลับมองเราอย่างใส่ใจ

คนที่เรารัก. . . คือคนที่เราคิดว่าเรารู้จักเขาดี

แต่แท้จริงแล้ว. . . เรากลับไม่รู้จักเขาเลย

คนที่รักเรา. . คือคนที่เราไม่พยายามทำความรู้จัก

แต่เขา. . กลับพยายามทำความรู้จักเรา

คนที่เรารัก. . . คือคนที่เราพร้อมจะเป็นผู้ให้

แต่สิ่งที่เราให้ . . .เขากลับไม่เคยมองเห็นสิ่งที่เราให้ไป

คนที่รักเรา. .. คือคนที่เราไม่เคยให้ความสำคัญมากมาย

แต่เขา. . กลับให้ในสิ่งที่ล้วนมีค่ามีความสำคัญกับเรา

คนที่เรารัก. . . คือคนที่เราอยู่ด้วยเวลามีความสุข

แต่เวลาเราทุกข์. . . เรากลับมองหาเขาไม่เจอ

คนที่รักเรา. . คือคนที่เราไม่เคยเห็นหน้าเวลาสุข

แต่เวลาทุกข์. . . เขากลับเป็นเหมือนเงาคอยเฝ้าตาม

คนที่เรารัก. . คือคนที่เราใส่ใจทุกเวลา

แต่ที่แย่กว่าคือ. . . ตลอดมา “เขาไม่ได้รักเรา”

คนที่รักเรา. . คือคนที่เราไม่เคยนึกถึง

แต่มีสิ่งหนึ่ง. . บอกให้รู้ว่า . . . “เขารักเรา”
มีแค่ ก-ฮ ที่อยากบอกถึงแฟนเรา อยากให้เขาเป็นแบบนี้จัง ( ไม่ต้องเป็นได้ทั้งหมด แค่อยากให้รู้ไว้ถึงความรัก-ความเข้าใจ ที่ควรที่ให้แก่กัน 🙂

ก – เ ก็ บ เ ร า ไ ว้ ใ น ใ จ

ข – เ ข้ า ใ จ เ ร า

ค – ค อ ย เ ป็ น กำ ลั ง ใ จ ใ ห้ เ ร า

ง – ง้ อ เ ร า เ มื่ อ รู้ ตั ว ว่ า เ ข า ผิ ด

จ – จั บ มื อ เ ร า เ มื่ อ ต้ อ ง ก า ร กำ ลั ง ใ จ

ฉ – เ ฉ ย กั บ ค ว า ม ใ จ ร้ อ น ข อ ง เ ร า

ช – ช่ ว ย เ ห ลื อ เ ร า

ซ – ซื่ อ สั ต ย์ กั บ เ ร า ญ า ติ ดี กั บ เ ร า เ ส ม อ

ด – เ ดิ น เ คี ย ง ข้ า ง เ ร า

ต – ติ ด ต า ม ข่ า ว ค ร า ว ค ว า ม เ ป็ น ไ ป ข อ ง เ ร า
ถ – ไ ถ่ ถ า ม ทุ ก ข์ สุ ข

ท – ทำ ใ ห้ ชี วิ ต ข อ ง เ ร า เ ป ลี่ ย น ไ ป

ธ – ธั ม ม ะ ธั ม โ ม กั บ เ ร า

น – นั บ ถื อ เ ร า แ ล ะ น่ า รั ก ใ น ส า ย ต า ข อ ง เ ร า

บ – บ อ ก ค ว า ม จ ริ ง แ ก่ เ ร า

ป – ป ล อ บ ใ จ เ มื่ อ เ ร า ท้ อ

ผ – ผ า ย มื อ ต้ อ น รั บ เ ร า เ ส ม อ

ฝ – ฝ า ก ค ว า ม จ ริ ง ใ จ ไ ว้ กั บ เ ร า

พ – เ พิ่ ม พ ลั ง ใ ห้ แ ก่ เ ร า

ฟ – ฟั ง เ ร า เ ส ม อ

ภ – ภู มิ ใ จ ใ น ตั ว เ ร า

ม – ม อ บ สิ่ ง ดี ดี แ ก่ เ ร า

ย – ย ก โ ท ษ ใ ห้ กั บ ข้ อ ผิ ด พ ล า ด ข อ ง เ ร า

ร – รั ก ที่ เ ร า เ ป็ น เ ร า

ล – ล ะ เ อี ย ด อ่ อ น กั บ ค ว า ม รู้ สึ ก ข อ ง เ ร า
ท – ทำ ใ ห้ ชี วิ ต ข อ ง เ ร า เ ป ลี่ ย น ไ ป

ธ – ธั ม ม ะ ธั ม โ ม กั บ เ ร า

น – นั บ ถื อ เ ร า แ ล ะ น่ า รั ก ใ น ส า ย ต า ข อ ง เ ร า

บ – บ อ ก ค ว า ม จ ริ ง แ ก่ เ ร า

ป – ป ล อ บ ใ จ เ มื่ อ เ ร า ท้ อ

ผ – ผ า ย มื อ ต้ อ น รั บ เ ร า เ ส ม อ

ฝ – ฝ า ก ค ว า ม จ ริ ง ใ จ ไ ว้ กั บ เ ร า

พ – เ พิ่ ม พ ลั ง ใ ห้ แ ก่ เ ร า

ฟ – ฟั ง เ ร า เ ส ม อ

ภ – ภู มิ ใ จ ใ น ตั ว เ ร า

ว – ไ ว้ ใ จ เ ร า

ศ – ศึ ก ษ า นิ สั ย ที่ แ ท้ จ ริ ง ข อ ง เ ร า

ส – สั ง เ ก ต ค ว า ม เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ใ น ตั ว เ ร า

ห – เ ห็ น คุ ณ ค่ า ข อ ง เ ร า

อ – อ ธิ บ า ย ใ น สิ่ ง ที่ เ ร า ไ ม่ เ ข้ า ใ จ

ฮ – เ ฮ ฮ า กั บ เ ร า ไ ด้ ทุ ก เ ว ล า
English – I
love you
Afrikaans – Ek het jou lief
Albanian – Te dua
Arabic – Ana
behibak (to male)
Arabic – Ana behibek (to female)
Armenian – Yes kez
sirumen
Bambara – M”bi fe
Bangla – Aamee tuma ke bhalo aashi

Belarusian – Ya tabe kahayu
Bisaya – Nahigugma ako kanimo
Bulgarian
– Obicham te
Cambodian – Soro lahn nhee ah
Cantonese Chinese – Ngo oiy
ney a
Catalan – T”estimo
Cheyenne – Ne mohotatse
Chichewa –
Ndimakukonda
Corsican – Ti tengu caru (to male)
Creol – Mi aime
jou
Croatian – Volim te
Czech – Miluji te
Danish – Jeg Elsker
Dig
Dutch – Ik hou van jou
Esperanto – Mi amas vin
Estonian – Ma
armastan sind
Ethiopian – Afgreki”
Faroese – Eg elski teg
Farsi –
Doset daram
Filipino – Mahal kita
Finnish – Mina rakastan
sinua
French – Je t”aime, Je t”adore
Gaelic – Ta gra agam
ort
Georgian – Mikvarhar
German – Ich liebe dich
Greek –
S”agapo
Gujarati – Hoo thunay prem karoo choo
Hiligaynon – Palangga ko
ikaw
Hawaiian – Aloha wau ia oi
Hebrew – Ani ohev otah (to female)

Hebrew – Ani ohev et otha (to male)
Hiligaynon – Guina higugma ko ikaw

Hindi – Hum Tumhe Pyar Karte hae
Hmong – Kuv hlub koj
Hopi – Nu” umi
unangwa”ta
Hungarian – Szeretlek
Icelandic – Eg elska tig
Ilonggo –
Palangga ko ikaw
Indonesian – Saya cinta padamu
Inuit –
Negligevapse
Irish – Taim i” ngra leat
Italian – Ti amo
Japanese –
Aishiteru
Kannada – Naanu ninna preetisuttene
Kapampangan – Kaluguran
daka
Kiswahili – Nakupenda
Konkani – Tu magel moga cho
Korean –
Sarang Heyo
Latin – Te amo
Latvian – Es tevi miilu
Lebanese –
Bahibak
Lithuanian – Tave myliu
Malay – Saya cintakan mu / Aku cinta
padamu
Malayalam – Njan Ninne Premikunnu
Mandarin Chinese – Wo ai
ni
Marathi – Me tula prem karto
Mohawk – Kanbhik
Moroccan – Ana
moajaba bik
Nahuatl – Ni mits neki
Navaho – Ayor anosh”ni
Norwegian –
Jeg Elsker Deg
Pandacan – Syota na kita!!
Pangasinan – Inaru
Taka
Papiamento – Mi ta stimabo
Persian – Doo-set daaram
Pig Latin –
Iay ovlay ouyay
Polish – Kocham Ciebie
Portuguese – Eu te
amo
Romanian – Te ubesk
Russian – Ya tebya liubliu
Scot Gaelic – Tha
gradh agam ort
Serbian – Volim te
Setswana – Ke a go rata
Sign
Language – ,,,/ (represents position of fingers when signing”I Love
You”)
Sindhi – Maa tokhe pyar kendo ahyan
Sioux – Techihhila
Slovak
– Lu`bim ta
Slovenian – Ljubim te
Spanish – Te quiero / Te
amo
Swahili – Ninapenda wewe
Swedish – Jag alskar dig
Swiss-German –
Ich lieb Di
Tagalog – Mahal kita
Taiwanese – Wa ga ei li
Tahitian –
Ua Here Vau Ia Oe
Tamil – Nan unnai kathalikaraen
Telugu – Nenu ninnu
premistunnanu
Thai – Chan rak khun (to male)
Thai – Phom rak khun (to
female)
Turkish – Seni Seviyorum
Ukrainian – Ya tebe kahayu
Urdu –
mai aap say pyaar karta hoo
Vietnamese – Anh ye^u em (to female)

Vietnamese – Em ye^u anh (to male)
Welsh – “Rwy”n dy garu
Yiddish –
Ikh hob dikh
Yoruba – Mo ni
คำคมจากขงเบ้ง
1. ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่
ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไรคุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น

2. เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาสเพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วยดังนี้แล้ว
“ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน”


3. นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ

4.
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ
ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด


5. ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด

6.
ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น


7. ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี

8.
ไม้คดใช้ทำขอเหล็กงอใช้ทำเคียว
แต่
คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย


9. เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิดเดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร

10.
เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด
ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขาเพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อม
เช่นเดียวกับเขาท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้

11.
การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น

12.
ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่


13. ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่

14. ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่


15. อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น

16.
เมื่อนักการฑูตพูดว่า “ใช่ หรือ
อาจจะ” เขามีความหมายว่า “อาจจะ”

17. เมื่อนักการฑูตพูดว่า “อาจจะ”
เขามีความหมายว่า “ไม่”

18.
เมื่อนักการฑูตพูดว่า “ไม่” เขาไม่ใช่นักการฑูตเพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร)

19.
เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “ไม่” หล่อนมีความหมายว่า “อาจจะ”


20. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “อาจจะ” หล่อนมีความหมายว่า “ใช่
หรือ ได้”

21. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “ใช่ หรือ ได้”
หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี.

22.
สุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่าย


23.
คิดทำการใหญ่
อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย


24. ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ
มองเห็นคิ้วของตน

25. คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต

Show ( 1.. 10) of 23
Page    / 3