Category in :
เรื่องสั้นๆ
Date :
Saturday, September 01, 2007 4:24 PM
คนเรามีความรู้สึกรัก ชอบ โกรธ เศร้า ไม่ต่างกัน
ขึ้นอยู่กับว่าเวลาไหนมันจะแสดงออกมามากน้อยเพียงใดเท่านั้น
” คนที่จะหัวเราะได้เสียงดัง ข้างในคงต้องขำบ้างพอสมควร
คนที่น้ำตาจะไหลได้ ข้างในคงมีเรื่องปวดร้าว….
ถ้าไม่นับการร้องไห้ที่มาจากความปิติ ”
โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง…
แต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน
เด็กๆ จะมองว่าผู้ใหญ่ซีเรียส
ในขณะที่ผู้ใหญ่จะบอกว่า เด็กไร้สาระ
เพราะเด็กไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อน
วันหนึ่งเค้าคงจะรู้ว่า ทำไมถึงต้องมีเรื่องซีเรียส
สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งได้ผ่านวัยเด็กมาแล้วอาจจะลืมไปว่า
ณ วันที่ผ่านมา” สาระ ” ในชีวิตของเค้า คืออะไร
คนที่ตลกหัวเราะสดใส ก็คือ
คนเดียวกับคนที่สามารถร้องไห้ฟูมฟายได้
เพียงแต่คุณจะได้เห็นหรือเปล่าเท่านั้น อาจจะเคยได้ยินว่า
” คนที่หัวเราะได้ดังที่สุด ก็คือคนที่สามารถร้องไห้ได้ดังที่สุดเช่นกัน”
ก่อนที่วันนี้ .. คุณจะทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ
อย่าลืมสำรวจตัวเองก่อนว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา…
” คุณทำใครหล่นหายไปจากชีวิตหรือเปล่า ”
ครอบครัวไทย … มักจะเลี้ยงลูกผู้หญิงให้เป็นฝ่ายถูกเลือก
คอยสั่งสอนให้ทำตัวเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเลือกไปเป็นคู่ครอง
แต่ความจริงแล้วผู้ชายและผู้หญิง เราต่างเลือกซึ่งกันและกันมากกว่า
เพื่อนที่ดีที่สุด คือ
คนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันซักคำ
แต่สามารถเดินจากไป ด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด
ใครหลายคนไม่กล้าเข้าไปปลอบโยนให้คำปรึกษากับเพื่อน
เพราะคิดว่าเราไม่รู้จะบอกเค๊ายังไง เพราะเราเป็นแค่เพื่อน
แต่ความจริงแล้ว…คุณเป็นตั้งเพื่อนต่างหาก
ผู้ชายที่ร้องไห้ และยอมรับว่าตัวเองร้องไห้ เค้าคือสุภาพบุรุษที่สุด
อย่างน้อยการซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง… คือความกล้าหาญสุดยอด
เงินไม่ใช่พระเจ้าแต่….ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้น
มีสติ สตางค์อยู่…ก็ปลีกเวลาไปใช้เสียบ้าง
อีกหน่อยไม่มีสติแต่มีสตางค์…ก็สายไปเสียแล้ว
เวลาที่เรารักใคร เราจะรู้สึกตัวเล็กเหลือเกิน…
เวลาใครรักเรา เราจะรู้สึกตัวใหญ่เหลือเกิน…
แต่..ถ้าเราเจอคนที่เรารักเค้าและเค้าก็รักเรา
เราจะผลัดกันตัวเล็ก ตัวใหญ่
วันที่คุณเข้มแข็งและแข็งแรงพอ
อย่าลืมเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคนที่มีปัญหาด้วย
“เอาไหล่ให้เค้าพิง เอามือให้เค้าจับ”
100 คำพูดดี ดี ไม่เท่ากับ 1 สัมผัสที่มีค่าหรอกนะ
คุณรู้ไหมว่า อายุคนเราเฉลี่ย 76 ปีนั่นคือแค่ 3952 อาทิตย์เท่านั้น
คุณหมดเวลาไปกับการนอนถึง 1317 อาทิตย์ ซึ่งเท่ากับว่า….
คุณเหลือเวลาที่ใช้ดำเนินชีวิตแค่ 2635 อาทิตย์เท่านั้นเอง
ลองฉลองวันเกิดกับครอบครัวสักปี
แล้วคุณจะได้รู้ว่า……
เมื่อตอนที่คุณร้องไห้จ้าในวันเกิดวันแรก
คนในครอบครัวคุณมีความสุขกันขนาดไหน….

|
Category in :
นี่คือ**best**
Date :
Saturday, September 01, 2007 4:23 PM
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน
เมื่อนานมาแล้ว มีชาวจีนสองคน ขายขวดด้วยกัน อาศัยกุฏิพระอยู่วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ คนที่หนึ่งชื่อนายเฮ็งอีกคนหนึ่งชื่อนายเจ็ง ขายขวดได้เงินมาก็นำไปฝากพระไว้ ทั้งสองคนได้ทำสัญญากันไว้ว่า ถ้าไม่มีเงินถึง ๘๐ ชั่งแล้ว จะไม่กินเป็ดกินไก่
ทีนี้ วันหนึ่งนายเฮ็งกับนายเจ็งก็ไปขายขวด แต่ไปคนละทาง นายเจ็งไปเจอการพนันเข้า ก็เล่นการพนัน เผอิญมันเล่นการพนันรวยมัน อยากกินเป็ดกินไก่มานานแล้ว เงินที่ได้มาฟรี ๆ ก็เลยไปซื้อเป็ดไก่กินเสีย แล้วเอามาฝากเพื่อนด้วยอย่างละตัว มาถึงร้องเพลงหงิงๆ แบบเจ๊ก นายเฮ็งกลับบ้านมาเจอนายเจ็งร้องเพลงหงิงๆ อยู่ มองไปเห็นเป็ดไก่เข้าเลยถามว่า นั่นเป็ดไก่ใครเว้ย? ของกูเอง เอ้า! ทำไมมึงมีเงินถึง ๘๐ ชั่งแล้วหรือ? เปล่าทำไมล่ะ ? กูไปรวยการพนันมา กูล่อเสียอิ่ม อยากกินมานานแล้ว กูจึงนำมาฝากมึงด้วย ๒ ตัว เท่านั้นแหละ นายเฮ็งเป็นเดือดเป็นแค้น บอกว่า นี่เจ็งแกเป็นมนุษย์ไม่มีสัจจะ ไม่มีความจริงใจ เราสัญญากันไว้แล้วมิใช่ หรือว่า ถ้าเรายังไม่มีเงินถึง ๘๐ ชั่ง จะไม่กินเป็ดกินไก่ แล้วทำไมมาละเมิดสัญญา แกไม่มีสัจจะนี่ ตั้งตัวไม่ได้ แกกับข้าเลิกกัน ข้าไม่แตะต้องเป็ดไก่ของแกหรอก ไปหาหลวงพ่อเอาเงินมาแบ่งกันคนละส่วน แยกทางกัน
ผลสุดท้ายแยกทางกัน พอแยกทางกันไปแล้ว นายเฮ็งเป็นคนขะมักเขม้น ทำมาหากินจนกระทั่งร่ำรวย ต่อมาเป็นมหาเศรษฐีในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ ๖ คนที่มีเงินมักจะได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยา นายเฮ็งก็ได้เป็นพระยาไพบูลย์สมบัติ ตัวนายเจ็งค้าขายไปเล่นการพนันไป สุดท้ายหมดตัว ขวดขายไม่ไหวจนกลายเป็นขอทาน กะเซอะกะเซิงมาจนถึงบ้านพระยาเฮ็ง ซึ่งตั้งโรงทานไว้ที่หน้าบ้าน
เจ้าคุณเฮ็งเห็นนายเจ็งแล้ว จำได้ เลยบอกลูกว่า ตี๋..ไอ้คนนี้มันกินข้าวแล้วรับพาไปหาพ่อ ลูกก็คอยดู พอนายเจ็งกินข้าวต้มเสร็จแล้วก็พาเข้าไปในบ้าน
พอไปถึงเจ้าคุณเฮ็งถามว่า เออ! เป็นยังไงขอทานนี่ ? แย่..นายเจ็งจำเจ้าคุณไม่ได้ แต่เจ้าคุณจำได้ ลื้อไม่ต้องขอทานเอาไหมล่ะ ? ทำยังไง ? ไม่ขอทานอั๊วก็อดตายสิ อั๊วจะปลูกกระต๊อบให้หนึ่งหลัง แล้วอั๊วจะให้ข้าวลื้อไปหุงกินกับแกล้มก็จะให้ แต่มีข้อแม้ว่าหัวปลาเค็มกับใบมะขามนี่ ลื้อกินได้ไหม? เจ็งบอกว่าอั๊วไม่ได้กินขนาดนี้ยังอยู่ได้ เอ้อดีแล้ว ข้าวสารหมด หัวปลาหมด ลื้อมาบอกอั๊ว เก็บใบมะขามต้นเล็กก่อนนะ แล้วไปเก็บต้นใหญ่
ต่อมาก็ไปบอกว่า ข้าวสารหมด หัวปลาหมด ให้ไป แต่ใบมะขามไม่รู้จักหมดสักที เจ้าคุณเรียกว่า เฮ้ย ! เจ็ง ใบมะขามไม่เห็นลื้อบอกว่าหมดสักทีล่ะ ? หัวปลาบอก ข้าวสารบอก ใบมะขามมันไม่หมดครับทำไมไม่หมด เพราะมันต้นใหญ่ พอรูดกิ่งนี้หมด ทางโน้นก็ออกใหม่อีก
เจ้าคุณหัวเราะ แล้ว นี่เจ็ง ถามจริง ๆ เถอะ ลื้อมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งใช่ไหม ? มี ชื่ออะไร? ชื่อเฮ็ง แล้วเดี๋ยวนี้เขาไปไหน ไม่รู้ว่ามันไปไหน เจ้าคุณเลยหัวเราะ บอกว่า นี่เจ็ง ลื้อจำไม่ได้ อั๊วนี่แหละคือเฮ็งล่ะ เท่านั้นแหละ นายเจ็งแหงนดูหน้า เลยนึกเค้าออกน้ำตาไหลพรากก้มลงกราบ บอกลื้อไม่ต้องร้องไห้ ลื้อไม่ต้องเสียใจจูงมือนายเจ็งขึ้นไปยังห้องข้างบน จะให้นายเจ็งไปกราบพระ แล้วก็พาไปกราบตู้ปิดทองไว้ แล้วก็มีไม้คานปิดทอง ถามว่า นี่ลื้อจำได้ไหม ? เจ็งไม้คานนี่ จำไม่ได้ นี่แหละไม้คานที่อั๊วหาบขวดขายกับลื้อ อั๊วนึกถึงคุณของไม้คาน อั๊วเลยลงรักปิดทองไว้ กราบไหว้อยู่เรื่อย แล้วของลื้อไปไหน ไม่รู้ อั๊วทิ้งมันไปไหนก็ไม่รู้ เอ้อ ! มันเป็นอย่างนี้ วาจาก็หยาบ ต่อแต่นี้ไปอั๊วจะช่วยสงเคราะห์ลื้อ ไอ้ที่อั๊วเอาลื้อมาไว้นี่ อั๊วจำได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว ไอ้ที่อั๊วให้ลื้อไปอยู่กระต๊อบอย่างนั้น อั๊วต้องการให้ลื้อได้สำนึกว่า ข้าวกับหัวปลาต้มกับใบมะขามต้นเล็กก่อน ลื้อรู้ไหม ต้นมะขามยังเล็กอยู่ ลื้อรูดกินไม่ช้าก็หมดนั่นเหมือนกับชีวิตลื้อ ลื้อมีเงินนิดเดียว ลื้อก็รีบกินมันเสียแล้ว รีบซื้อเป็ดซื้อไก่กิน ลื้อมันเป็นมะขามเล็ก มันจึงไม่เหลือ ส่วนอั๊วนี่มันกินไม่หมด มันเหมือนมะขามต้นใหญ่ รูดทางนี้ออกทางโน้น อั๊วมีเงินมหาศาล ถึงตายไปแล้วเกิดอีกกี่ร้อยกี่พันชาติก็กินไม่หมด อั๊วมีเงินมากมายเฉพาะดอกผลปีหนึ่งก็ไม่รู้เท่าไหร่
ชีวิตของนายเจ็งมันผิดพลาด เพราะไม่มีความอดทน, ไม่มีความขยัน, เสียสัตว์ ,ไม่มีความรู้ , ติดอบายมุข ส่วนเจ้าคุณเฮ็งมีความขยัน อดทน มีสัจจะ ทั้ง ๆ ที่อยากกินเป็ดกินไก่ แต่ยังไม่ยอมกิน อดไว้ และธรรมะ สำคัญอีกข้องหนึ่งของเจ้าคุณเฮ็งคือกตัญญูรู้คุณ แม้กระทั่งไม่คาน เอามาลงรักปิดทอง แล้วก็มีสติปัญญาคิดว่าคนจะร่ำรวยนี่ทำยังไง ท่านมีธรรมะครบบริบูรณ์ทั้ง ๕ ข้อ
ส่วนนายเจ็งเสียหมดทั้ง ๕ ข้อ คือ ขี้เกียจ ไม่อดทน ไม่มีสติปัญญาไม่มีความกตัญญู และปราศจากสัจจะ
นิทานเรื่องนี้ เป็นคติเตือนใจให้เราเห็นว่า คนต่างด้าวชาวต่างแดนเข้ามาอยู่ในเมืองไทยที่เขาตั้งเนื้อตั้งตัวได้ ร่ำรวยเป็นเศรษฐี เขาก็ไม่ได้ลักไปขโมยใคร เขาใช้ธรรมะ ๕ ข้อนี้สร้างตัว ถ้าคนไทยเราเอาธรรมะนี่มาใช้ในชีวิตประจำวันของเรา ชีวิตของไทยเราก็จะรุ่งเรืองอย่างที่คนต่างด้าวชาวต่างแดนที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทย

|
Category in :
เรื่องสั้นๆ
Date :
Saturday, September 01, 2007 4:22 PM
มีนกนางแอ่นสายพันธุ์หนึ่ง เกิดมามีคู่เดียวรักเดียวใจเดียว
ในรุปคู่ของมันโดนรถชนตาย ตัวผู้เลยเข้าไปดูตัวเมียแล้วร่ำไห้
ร้องตะโกนหาคนที่ชนคู่ของมัน….แต่ตัวเมียได้ตายเสียแล้ว …!!
…….ตามธรรมชาตินกพันธุ์นี้จะไม่ยอมมีคู่อีก…และมันจะเป็นเช่นนี้ทุกคู่ไป
……และผลสุดท้ายของความรักของนกคู่นี้คือ…..
ตัวผู้จะนอนกกศพตัวเมียจนกว่ามันจะหมดแรงขาดใจตายไปในที่สุด ตายตามคนที่รักไป…….
……. เคยรัก แล้วทุ่มเททั้งชีวิตแบบนี้หรือเปล่า…….ไม่ขอให้เทียบเท่าแค่ขอให้ยาวน
|
Category in :
นี่คือ**best**
Date :
Saturday, September 01, 2007 4:21 PM
สุภาพสตรีในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายเรียบๆกับสามีของเธอในชุดสูทเนื้อผ้าธรรมดาๆ
ก้าวลงจากรถไฟในชาน ชาลาสถานีเมืองบอสตัน
ทั้งคู่ยืนรออย่างสงบอยู่หน้าสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
เลขานุการสาวดูออกในแว่บเดียวว่าสามีภรรยาซอมซ่อคู่นี้มาจากบ้านนอกและไม่น่ามีธุระ อะไรในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแห่งนี้ได้ หล่อนขมวดคิ้ว
“เราต้องการพบท่านอธิการบดี” สามีกล่าวนุ่มนวล “ท่านติดนัดตลอดทั้งวัน”
เลขาฯ สะบัดเสียงเล็กน้อย
“งั้นเราจะรอ” ภรรยาตอบ
เป็นเวลาหลายชั่วโมงที่เลขานุการทำเป็นไม่สนใจ
โดยประมาณว่าทั้งคู่คงทนไม่ได้และกลับไปเอง
แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เลขาฯสาวเริ่มไม่แน่ใจจึงต้องรบกวนเวลาท่านอธิการบดี
“พวกเขาคงแค่อยากพบท่านครู่เดียวก็กลับ” หล่อนอธิบายะ
ท่านอธิการบดีถอนใจด้วยความเบื่อหน่ายแล้วก็พยักหน้าเสียไม่ได้
จริงๆแล้วคนสำคัญระดับท่านอธิการจะมีเวลาพบคนระดับนี้ได้อย่างไร?
แต่นั่นเถอะนะ ท่านคิด ว่าดีกว่าปล่อยให้คู่สามีภรรยาบ้านนอกป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ ให้ใครต่อใครมาเห็น ท่านเชิดหน้า อย่างทรงเกียรติใส่ทั้งคู่
ภรรยากล่าวขึ้น “ลูกชายของ เราเคยเรียนในฮาร์ วาร์ด 1 ปี เขารักฮาร์วาร์ดมากและเขาก็มีความสุขที่นี่อย่างยิ่ง
แต่เมื่อปีที่แล้วเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตสามี และ ดิฉันก็เลยอยากทำอะไรสักอย่างไว้เป็นที่ระลึกถึงเขาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้”
ท่านอธิการไม่รู้สึกร่วมแต่อย่างใด เพียงแต่ช็อคเล็กน้อย
“คุณผู้หญิงเราไม่สามารถสร้างรูปปั้นให้กับทุกคนที่เคยเรียนฮาร์วาร์ดแล้วก็ตายหรอกนะ
ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนั้นที่นี่คงดูไม่ต่างไปจากสุสานแน่”
“โอ…ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ท่านอธิการบดี” ภรรยารีบอธิบาย
“เราไม่ได้ต้องการจะสร้างรูปปั้น เราคิดว่าเราจะสร้างตึกให้ฮาร์วาร์ดต่างหาก”
ท่านอธิการกรอกตาไปมา เขามองไปที่ชุดผ้าฝ้ายกับสูทบ้านนอก
“สร้างตึก! พวกคุณรู้ไหมว่าใช้เงินเท่าไรในการสร้างตึกสักหลังหนึ่งเราใช้เงินไปมากกว่า
7.5ล้านดอลลาร์แค่ตอนเริ่มก่อตั้งฮาร์วาร์ดนี่”
เป็นครู่ที่สุภาพสตรีเงียบกริบ ท่านอธิการรู้สึกโล่งอก ในที่สุดสามีภรรยาคู่นี้ก็ถูกกำจัดไปได้เสียที แล้ว
ภรรยาก็หันมาพูดกับสามีเบาๆว่า “ใช้เงินแค่นั้นเองน่ะหรือในการสร้างมหาวิทยาลัย?
แล้วทำไมเราไม่สร้างของเราเองสักแห่งหนึ่งล่ะ?”
สามีผงกศีรษะ
สีหน้าท่านอธิการเต็มไปด้วยความงงงวยสุดขีด แล้วนายและนาง ลีแลนด์ สแตนฟอร์ด ก็เดินทางไปยังพาโลอัลโตในแคลิฟอร์เนีย ที่ๆพวกเขาก่อตั้งมหาวิทยาลัยภายใต้นามสกุลของครอบครัว
เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ลูกชายที่ฮาร์วาร์ดไม่เคยเห็นคุณค่า
เรื่องนี้ดีมากเลย มันเป็นเรื่องประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัย Standfordในสหรัฐฯ
ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังคู่แข่งกับมหาวิทยาลัย Harvard
แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมของคนที่ชอบตัดสินคนอื่น
จากเปลือกนอก และอเมริกา ประเทศที่เราอยากจะเอาตามอย่างเขาเหลือเกิน

|
Category in :
ฮาๆ
Date :
Saturday, September 01, 2007 4:19 PM
ถ้าการหึงอย่างมีเหตุผลก็ยังพอทน แต่ถ้าหึงถึงขั้นคลุ้มคลั่งต้องระวังแล้วค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าอาการหึงจนเกินงามมีอะไร
1.โทรศัพท์มาเช็กกลางดึก
ถ้าโทรฯ มาเจ๊าะแจ๊ะหวานแหววไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ถ้าโทรฯมาเพื่อเช็กว่าเราอยู่บ้านหรือเปล่าก็อีกเรื่อง โดนบ่อยๆ เดี๋ยวก็รู้เองค่ะ
2.อยากรู้อยากเห็น
ตอนแรกก็เหมือนจะหลงรักเราหัวปักหัวปำเลยอยากรู้เรื่องของเรา แต่แล้วก็เริ่มซักไซ้เรื่องผู้ชายเก่าๆ ของเราและเริ่มหมกมุ่นกับมัน ถ้าเรารู้สึกอึดอัด นั่นอีกสัญญาณบอกค่ะ
3.ตั้งตัวเป็นศัตรูกับแฟนเก่า
เลิกกันแล้วก็คือจบ แต่คนขี้หึงย่อมไม่ยอมจบ เขาจะหงุดหงิดหากเรายังติดต่อหรือพูดคุยกับคนเก่าๆ ในรายที่อาการหนักอาจพานไปถึงพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งหมาแมวของเรา เพราะกลัวถูกแบ่งปันความรัก
4.ค้นข้าวของๆ เรา
พฤติกรรมแบบนี้คนทำกันเยอะ เวลารู้สึกไม่มั่นคง หรือสงสัยว่ากำลังถูกสวมเขา
5.ขู่ฆ่าตัวตาย
คนขี้หึงจะขู่สารพัด ดีไม่ดีอาจถึงขั้นขู่ฆ่าตัวตายหากเราเลิกรา อย่ามองข้ามการข่มขู่แบบนั้นนะคะ เพราะมันเป็นเรื่องไม่แฟร์เป็นเผด็จการแท้ๆ เลยเชียว ถ้าอาการหนักมากควรพาไปหาหมอซะเลย เกือบทุกคนที่มีช่วงอ่อนแอและแอบตามดูพฤติกรรมของคนรักบ้างบางเวลา แต่สำหรับคนขี้หึง จะคอยสืบเสาะอยู่เรื่อย เช่น รื้อค้นกระเป๋าเราซะกระจุยกระจายโดยไม่เจออะไร หากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ควรเตรียมรับมือได้เลยค่ะ

|
Category in :
Uncategorized
Date :
Saturday, September 01, 2007 4:17 PM
อกหัก เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิด
ผู้หญิงหลาย ๆ คนก็เลยจะมีปฏิกิริยาตอบรับกับการสิ้นสุดความสัมพันธ์เมื่อคนรักมาตีจากแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการหนีออกจากบ้าน ประชดแฟน เผื่อเขาจะตามมาง้อ บางคนก็ทำร้ายตัวเอง เขาจะได้สงสารกลับมาดูแลเราอีก บางคนประชดด้วยการกินทุกอย่างที่ขวงหน้า นั่นไม่เพียงแต่ทำให้เขาไม่กลับมา ซ้ำร้ายเรายังหาคนใหม่ไม่ได้ เพราะรูปร่างหน้าตาไม่ดึงดูดซะแล้ว
อันที่จริงเมื่อคนรักตีจาก นั่นหมายถึงว่า
เขาอาจจะใช้ความอดทนอย่างสุด ๆ และรวบรวมความกล้าอย่างมากมาย ในการที่จะบอกเลิกลากับเราแล้ว เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น การมานั่งคอยห้วยหวังว่าเขาจะกลับมาอีก
คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้น้อยเต็มทน หรือถ้าเขากลับมาจริง คุณทั้งคู่ก็อาจจะต้องมาอยู่กับความรู้สึกเหมือนมีแผลอยู่ในใจ ลบยังไงก็ไม่หมด บางคนถึงกับหวาดระแวงพฤติกรรมของคนรักไปตลอดเลยก็มี
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
เมื่อคุณประสบกับอาการอกหัก สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือการใช้ความรุนแรง ลองมาใช้วิธีการที่จะแนะนำต่อไปนี้ในการปรับอารมณ์ และปรับตัวปรับใจของคุณจะดีกว่า
• 1. ใช้เวลาของคุณให้เพลิดเพลินไปกับการ Shopping หาสถานที่ซึ่งคุณสามารถจะซื้อข้าวของเพื่อมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่สดใสกว่าเดิม คุณอาจจะหาเพื่อนไปด้วยสักคนหรือสองคน เพื่อให้ช่วยกันออกความเห็นในการสร้างบุคลิกใหม่ ที่น่าดึงดูดใจให้กับคุณได้ด้วย งานนี้ต้องลงทุนกันหน่อย
• 2. เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ออกไปจากสถานที่เก่า ๆ นี้ซะ บางคนอาจจะถือโอกาสลาพักร้อนไปพักผ่อนไกล ๆ จะได้ไม่ต้องมานึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ในสถานที่เดิม ๆ อีก แต่อย่าลืมชวนเพื่อนสนิทของคุณไปด้วยละ
• 3. ไปออกกำลังกายเพื่อให้รูปร่างของคุณดูดีขึ้น ก็น่าจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ อย่างน้อย ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้เริ่มทำอะไรใหม่ ๆ อาจจะถือเป็นงานอดิเรกใหม่ ๆ หรือการเล่นกีฬาอะไรเป็นประจำ เช่นตีแบต ตีกอล์ฟ เล่นกีฬาทางน้ำ หรือบางคนอาจจะไปชกมวยเลยก็ได้ โอกาสนี้ ยังอาจทำให้คุณได้พบเพื่อน(ชาย) ใหม่ ๆ ด้วย
• 4. ตามใจตัวเอง ด้วยการไปอบไอน้ำ นอนแช่อ่างจากุชี่ อย่าไปคิดว่ากิจกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องเสียเวลา เพราะอย่างน้อย มันจะทำให้คุณรู้สึกสบายตัว และมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้
• 5. ถ้าคุณอยากร้องไห้ ก็ร้องไปให้เต็มที่เลย คุณอาจจะจัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ขึ้นมาสักงานหนึ่ง เพื่อที่จะสลัดความน่าสงสารของคุณออกไป และถ้าคุณเกิดอยากร้องไห้ขึ้นมาในระหว่างนั้นละก็ ร้องให้เต็มที่เลย ซื่อสัตย์กับตัวเอง เชื่อเถอะ หลังจากนั้น คุณจะรู้สึกดีขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไป คุณจะนึกขำกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น
• 6. จดจำความรู้สึกที่เลวร้าย ไม่ใช่นั่งคิดถึงเรื่องโรแมนติกของคนที่ตีจากคุณไป โดยคุณอาจจะนั่งลิสต์รายการออกมาเลยก็ได้ว่า คนรักเก่าของคุณ ได้กระทำอะไรที่ไม่น่ารักลงไปบ้าง แล้วรวบรวมมันออกมาเป็นเหตุผล ที่คุณจะบอกกบตัวเองได้ว่า นี่แหละ ทำให้ฉันไม่มีวันกลับไปนึกถึงคน ๆ นี้อีก
• 7. อะไรที่เป็นอนุสรณ์ของความรักเก่า ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย จดหมายรัก หรือตั๋วชมคอนเสิร์ตอันแสนโรแมนติก ทำลายมันซะให้หมด จะได้ไม่ต้องหยิบมาดูให้ช้ำใจอีกต่อไป
• 8. หยุดการออก Date ไว้ชั่วคราว ทำตัวเองให้ปลอดความเคยชินกับการไปไหนมาไหนเป็นคู่สักพักหนึ่ง คุณอาจจะแพคกระเป๋าใส่หลัง แล้วไปหากิจกรรมอื่น ๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว ใส่ความรู้สึกที่ว่า ไม่มีอะไรจะมาหยุดคุณได้ หรือใครใจกล้า ๆ อาจจะไป Bungee Jump ดูบ้างก็ได้
• 9. อย่าไปคิดว่าช๊อกโกแล็ต เป็นสัญญาลักษณ์แห่งความรัก ถ้าคุณคิดจะรับประทานมันเข้าไป ก็ให้คิดซะว่ามันเป็นขนมแสนอร่อย คุณอาจจะลองตามใจตัวเองในเรื่องของอาหารการกินบ้างก็ได้ เช่นเมื่อรับประทานอาหารมือค่ำแล้ว อาจจะตามด้วยของหวานที่คุณโปรดปราน เพราะตอนนี้ไม่มีใครจะมาคอยห้ามคุณแล้ว แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องไขมันส่วนเกินเอาไว้บ้างนะ
• 10. ออกไปเต้นรำให้สุดเหวี่ยง โชว์ลีลานักเต้นคุณออกมาให้เต็มที่ อาจจะช่วยปลดปล่อยคามรู้สึกเศร้าสูญเสียของคุณลงไปได้บ้าง หรือคุณอาจจะลองไปเต้นรำในบรรยากาศแบบแปลก ๆ อย่างคาวบอยดูบ้างก็ไม่เลวทีเดียว
• 11. หาเวลาออกไปเที่ยวนอกเมือง โดยคุณอาจจะหาเพื่อนทั้งชายทั้งหญิงกลุ่มใหญ่ไปด้วยกันสักกลุ่ม เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
• 12. เมื่อคุณปรับเปลี่ยนบรรยากาศมาจนพอสมควรแล้ว ก็ต้องกลับมาเผชิญความจริง โดยคราวนี้ คุณอาจจะพร้อมแล้วสำหรับการออก Date ครั้งใหม่ แต่ก็อย่าลืมใช้เวลาในการเรียนรู้กันให้มากก่อนที่จะไปปักใจรักเขาเขาเหมือนกับคนที่แล้วล่ะ
• 13. หาความรู้ที่สูงขึ้นมาใส่ตัว เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าตนเองมีค่ามากขึ้น โดยอาจจะไปสมัครเรียนถ่ายภาพ ปีนเขา หรือเข้าอบรมคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ทำตัวของคุณเองให้ยุ่ง ๆ เข้าไว้ และอีกอย่างหนึ่ง อาจจะมีใครดี ๆ ที่คุณจะได้พบในระหว่างการไปเรียนรู้หรือเข้ารับการอบรมนี้ก็ได้
• 14. หาสัตว์เลี้ยงที่มีความซื้อสัตย์กับคุณมาเลี้ยง ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่เลวเลยทีเดียว
• 15. อย่าลืมว่า ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก อย่างที่ฝรั่งเขาชอบพูดว่า ” There”s plenty of fish in the sea
… ลองเอาไปทำตามกันดูน่ะค่ะ แต่จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองด้วยน่ะค่ะ ถ้าพยายาม เราทำได้แน่ๆค่ะ แพร่ลองมาแล้ว ได้ประมาณ90% ค่ะ ลองดูน่ะค่ะ …

|
Category in :
ฮาๆ
Date :
Saturday, September 01, 2007 4:16 PM
ผู้หญิง 10 แบบที่ผู้ชายชอบ
ผู้หญิงมิสทีน คือ ไม่ว่าสามีขยับตัวไปทางไหน ต้องการอะไร เธอต้องเป็นวิ่งถลาเข้ามารับใช้พร้อมส่งเสียงหวาน ๆ มาด้วย ว่า “มิสทีนมาแล้วค่ะ”
ผู้หญิงกระเบื้อง ซีแพคโมเนีย คือ ต้องสวยด้วย ต้องเย็นหน่อย และที่สำคัญต้องมีตราช้าง
ผู้หญิงคอฟฟี่เมต คือ ต้องเป็นใบ้ พูดอะไรไม่ได้เลย ใช้แต่ภาษามืออย่างเดียว จำโฆษณาคอฟฟี่เมตได้หรือเปล่าล่ะ ที่ผู้ชายใช้ภาษามือกับผู้หญิงน่ะ
ผู้หญิงกาแฟโทรฟี่ คือ ต้องมีรสชาติ แปลก ๆ ใหม่ ๆ รู้จักลุกขึ้นมาเปลี่ยนโน่นนิด นี่หน่อย เอาใจใส่เนื้อตัวร่างกายของตัวเอง “เพื่อรสชาติที่ไม่จำเจ”
ผู้หญิงไวตามิลค์ คือ ผู้หญิงที่เก่งเรื่องงานบ้าน งานครัว ทำกับข้าวกับปลาได้อร่อย เรียกว่าถ้าได้เธอมาเป็นภรรยาแล้ว ผู้เป็นสามีจะ “อิ่มสบายท้อง” ไปตลอดชีวิต
ผู้หญิงบรีสอัลตร้า คือ ดูก็สะอาด ดมก็สะอาด ไม่ใช่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเป็น “ยายเพิ้ง”
ผู้หญิง TOA คือ ต้องสวย ต้องทนทาน นานนับสิบปี ไม่ใช่แป๊บเดียวก็แก่หง่อมซะแล้ว
ผู้หญิงแพมเพอร์ส คือ ต้องพูดให้ได้อย่างคุณอุทุมพร ศิลาพันธ์ ว่า “ทำรายการสำหรับเด็ก ต้องรู้จริงเรื่องเด็ก และก็ปล่อยให้สามีไปมีเด็ก ๆ บ้าง” (ประโยคหลังมีหนุ่มๆ เติมเองเพื่อความสมบูรณ์ค่ะ)
ผู้หญิงจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คือ ต้องรักตัวเราให้ได้เป็นที่สอง รองจากแม่ของเรา
ผู้หญิงเมอซิเดสเบนซ์ ต้องเป็นสุดยอดยนตรกรรมที่ “โช๊คดี สีใหม่ พวงมาลัยเอี่ยม ขี่เยี่ยม ไม่ส่งเสียงดัง แถมช่วงล่างก็ยังเพอร์เฟค”

|
Category in :
Uncategorized
Date :
Saturday, September 01, 2007 4:15 PM
1. พระเอกที่ท่าทางงี่เง่าหรือน่าสมเพช มักจะเจอเรื่องโชคดีแบบไม่น่าเชื่อ (และน่าอิจฉา) เสมอ
เช่น เจ้า โนบีตะ ที่อยู่ดีๆ ก็มี โดเรมอน โผล่พรวดออกมาจากลิ้นชัก
อุราชิมาเคทาโร่ แห่ง บ้านพักอลเวง (Love Hina) ที่อยู่ๆก็ได้รับมรดกเป็นหอพักหญิงที่มีสาวอยู่กันตรึม
2. คู่แข่งพระเอกจะเหมือนเก่งกว่า เท่กว่าพระเอกอยู่เสมอ
ซึ่งพระเอกจะไม่มีวันสู้เลย ยกเว้นจะฮึดสุดๆ หรือฟลุกเด็ดๆ
เจ้าคู่แข่งคนนั้นถึงจะแพ้ ดูอย่างในเรื่อง ซึบาสะ
ที่จริงๆแล้ว มิสุงิ จุน เก่งกว่า ซึบาสะ เสียอีกในช่วงแรกๆ แต่ดันเป็นโรคหัวใจเสียอีก
ปิศาจจิ้งจอกทามาโมะ ใน มืออสูรล่าปิศาจ ก็เก่งกว่า คุณครูนูเบ ตั้งเยอะ แต่ก็แพ้ลูกอึด
หรือเจ้า ไคบะ เซโตะ ในเรื่อง “เกมส์กลคนอัจฉริยะ” ก็มีการ์ดบลูอายส์ ไวท์ดราก้อนตั้งสามใบ
แต่ก็มักจะไปแพ้ครีโบ้เห่ยๆของยูกิได้บ่อยๆไป
3. แล้วไอ้ตัวข้างต้นที่กล่าวถึง มักจะกลับใจมาเป็นพวกพระเอกภายหลังเสมอ
โดยจะเหลือคำพูดแก้เกี้ยวประมาณว่า “ข้าร่วมมือกะเอ็งแค่ครั้งนี้เท่านั้นนะเฟ้ย อย่าลืมว่าเราเป็นศัตรูกัน”
(แต่ก็ตามมาช่วยแทบทุกครั้ง บางทีถึงขนาดตายแทนกันได้)
4. เวลาไปเที่ยวตามเกาะ ตามป่า ตามเขา ควรเช็คประวัติเพื่อนฝูงที่ไปเที่ยวให้ดี
ว่ามีใครที่มีประวัติอะไรแปลกๆ เมื่อสี่ซ้าห้าสิบปีก่อนหรือไม่
ไม่งั้นเกาะนั้นอาจจะกลายเป็นห้องปิดตายขนาดยักษ์ และมีฆาตกรโรคจิตโผล่มาได้
แล้วก็จะมีคนพูดขึ้นมาว่า “อ้ะ หรือจะเป็นเรื่องเมื่อสิบปีก่อน…” ให้คนอื่นหน้าซีดกันเล่นๆ
5. คินดะอิจิ ฮาจิเมะ และ เอโดงาวะ โคนัน คือ ตัวซวยและตัวอันตราย
ของตำรวจญี่ปุ่น ด้วยเจ้าหมอสองคนนี่โผล่ไปที่ไหน มีคนตายแบบแปลกๆทุกรายไป
6. แฟนของเจ้าสองคนข้างบน คุ้นเคยและเห็นคนตายต่อหน้าต่อตามาไม่ต่ำกว่ายี่สิบศพ
แต่ทุกครั้งที่เห็นคนตาย เธอก็จะร้องกรี๊ดและเป็นลมได้ทุกครั้ง (น่าจะชินเสียบ้างนะ)
7. ฆาตกรอัจฉริยะที่วางแผนฆาตกรรมซ่อนเงื่อนอย่างแยบยลในห้องปิดตายสารพัดจะลึกลับ
มักจะพลาดแบบงี่เง่า เช่น ทิ้งก้นบุหรี่หรือกระดุม แหวน หรืออะไรๆ ที่มันส่อให้โยงถึงตัวเองเอาไว้
8. ตำรวจญี่ปุ่นมีการทำงานที่เปิดกว้างแบบสุดๆ
ยอมให้เด็กตัวกระเปี๊ยกและเด็กมัธยมเข้าถึงหลักฐานฆาตกรรมได้โดยสมบูรณ์
9. ฟองสบู่และหมอกควัน ในการ์ตูนญี่ปุ่นทำหน้าที่ของมันได้ดีเสมอ โดยเฉพาะในฉากโรงอาบน้ำ
คือมันจะคอยลอยไปปิดไอ้ส่วนที่ผู้อ่านอยากเห็นอย่างมิดชิดทุกครั้ง
10. เวลาผู้หญิงแก้ผ้า จะมีเสียง “ฟ้าว” “วืด” “ซ่า” “ผ่าง” “ควับ”หรือ “พรวด” และ ฯลฯ
ออกมาจากส่วนที่พึงสงวนเสมอ
11. การ์ตูนเกี่ยวกับการทำอาหาร จะพบสัจธรรมว่า
พระเอกสามารถใช้หม้อหรือกระทะใบย่อมๆ แต่ทำอาหารเลี้ยงคนได้ทั้งโตเกียวโดม
12. ลูกบอลในการ์ตูนเรื่อง ซึบาสะ นั้น ลอยช้ามาก
ระหว่างเท้าถึงประตูนั้น นักเตะสามารถระลึกความหลังได้กว่าชาติครึ่ง
ประมาณว่ายิงแล้วนึกถึงเพื่อนฝูงญาติโยมและครูอาจารย์ได้โขยงนึงบอลถึงเข้าประตู
13. การ์ตูนเรื่องข้างบน ถ้าเป็นแมตช์สำคัญ ทีมญี่ปุ่นจะถูกยิงนำไปจนหายห่วง เพื่อรอจังหวะยิง
มาจนกระทั่งกลับมานำได้ในนาทีสุดท้ายของการแข่งขันทุกทีไป
14. นางเอกส่วนใหญ่จะเกลียดขี้หน้า หรือไม่ชอบพระเอกมาตั้งแต่ต้น
แต่ลึกๆจะแอบเป็นห่วงอยู่เสมอ และจะออกไปในรูปของซ้อมไปห่วงไปมากกว่า
15. ถ้าพระเอกมีเหตุผลที่น่าจะให้เข้าใจผิดกับนางเอก เช่น
มีรุ่นน้องมาให้ของขวัญ เดินออกมาจากโรงแรมกับใคร หรือมีคนแปลกหน้ามาจุ๊บ
คุณไม่ต้องห่วง นางเอกเห็นแน่ๆ เห็นกับตาเลยด้วย
16. ถ้ามีการอาบน้ำในห้องสาธารณะหรือบ่อน้ำแร่
มีโอกาสถึง 90% ที่ ไม่พระเอกก็นางเอกที่จะลงบ่อหรือเข้าห้องน้ำผิด
หรือมาพบภายหลังว่าเป็นบ่ออาบน้ำรวม
เด็กวัยรุ่นบ้านเราอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วอินแบบเป็นบ้าเป็นหลัง
ทำอะไรต่ออะไรเลียนแบบชีวิตแบบญี่ปุ่นๆ ที่เห็นในการ์ตูนทุกอย่าง
ยกเว้นอย่างเดียว คือ การออกไปทำงานพิเศษหาเงิน

|
Category in :
Uncategorized
Date :
Saturday, August 11, 2007 1:23 AM
ตีแผ่ความรักผู้ชาย 100 -> 0 จริงหรือ
ผู้หญิงมักคนบอกว่า ผู้ชายมักมีความรักเริ่มจากร้อยลงสู่ศูนย์เสมอ….แล้วคุณทราบหรือไม่ว่าความหมายของคำว่า ร้อยถึงศูนย์ของคุณ มันคืออะไรสำหรับพวกผม??
ยอมรับว่ามันเป็นหัวข้อที่โลกแตกจริงๆว่าทำไมต้อง ร้อยถึงศูนย์ …..แต่จนแล้วจนรอด ผมก็เรียบเรียงและกลั่นกรองออกมาเป็นตัวหนังสือจนได้ ไหนลองมาดูสิ ว่าคำว่า กรณีร้อยถึงศูนย์ของคุณผู้หญิง คุณผู้ชาย(อย่างเรา)คิดอย่างไร??
กรณีแรก….เบสิค(Basic)ครับ กรณีเขาจีบคุณอยู่ดีๆแล้วก็ชิ่งไป(ซึ่งอาจไปพร้อมหัวใจคุณด้วย) ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าผู้ชาย(ที่เขาจีบคุณ)หนะ เขาจะเริ่มให้คุณจาก 100 (เหมือนที่คุณพูดนั่นแหละครับ ไม่ผิดหรอก) แรกๆไปรับไปส่ง พาไปนั่งทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลง รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ(ที่ไม่ติดเรท) แรกๆคุณก็ไม่ได้คิดไม่ได้หวังอะไรหรอก อาจจะมีปฏิกิริยาตอบสนองบ้าง ไม่มีบ้าง (แต่เขาก็ทน ก็อยากได้คุณเป็นแฟนนี่หว่า) เขาก็ทำดีไปเรื่อยๆ….เรื่อยไปจนเขาเห็นว่าคุณเริ่มไม่ให้ความสำคัญกับเขาหรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า ไม่แฮปปี้ นั่นแหละ (ซึ่งอันที่จริงอาจเป็นฟอร์มของคุณ พวกผมก็ไม่อาจทราบได้) แน่นอนครับ จากกิจกรรมที่ทำเพื่อคุณร้อยอย่าง มันจะค่อยๆถูกลดทอนลงมาเรื่อยๆๆ จนกระทั่งเท่ากับ ศูนย์ แต่สำหรับผู้หญิงแล้ว การมีคนมาทำดีด้วย แน่นอนครับ ย่อมชอบเป็นธรรมดา (อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายก็ยังชอบเลย เวลามีคนมาทำดีเอาอกเอาใจหนะ) เธอก็จะเริ่มเทใจให้กับเขาไปเรื่อยๆๆ (หรือที่คุณเรียกว่า ศูนย์ ถึง ร้อยนั่นแหละ) คุณลองนึกดูสิ ถ้าเทียบความรักเป็นหุ้น อีกฝ่ายหุ้นขึ้น อีกฝ่ายหุ้นลง แน่นอนครับ หลายคนบอกว่ามันก็ต้องเจอกันที่ 50-50 สิ….ถูกต้องค๊าาาาบบบบบบบ มันจะเจอกันที่ 50-50 สำหรับคุณผู้หญิงที่ไม่รักษาฟอร์ม(หรือ รักษาฟอร์มพองาม) แน่นอนคุณย่อมรั้งเขาไว้ได้ แต่ถ้าคุณรักษาฟอร์ม(จนเกินเหตุ)ละก็….หุ้นเขาจะลดลงมาเรื่อยๆๆๆ ส่วนหุ้นของคุณก็ขึ้นเรื่อยๆๆๆๆ จนพอของทั้งคู่แตะที่ระดับ 50 จุด (ซึ่งถือเป็นจุดที่สมดุลที่สุดของทั้งคู่) คุณยังเก๊กรักษาฟอร์มละก็ เหอะๆ คราวนี้แหละครับ นิเคอิรูดกราว ดาวน์โจนส์แตะเพดาน….หุ้นของเขาจะรูดลงเร็วมากจนแตะระดับ 0 ภายในเวลาที่ไม่น่าเชื่อ (อาจภายในเวลาเพียง 1-2 วันเท่านั้น เพราะเวลาหุ้นเขารูดลงต่ำกว่าระดับ 60 จุด เขาจะเริ่มเก็บใจตัวเองไว้ เพื่อป้องกันโรคหัวใจบอบช้ำ) ฉะนั้น หากคุณยังต้องการเขาละก็ มีปฏิกิริยาบ้างสักเล็กน้อย (แต่ไม่ใช่ให้ความหวังแล้วไม่รักนะ – ถ้าเป็นเช่นนั้นผมแนะนำให้คุณปล่อยให้หุ้นของเขารูดกราวแตะ 0 เลยดีกว่า เพราะอย่างน้อยคุณกับเขาก็ยังเป็นเพื่อนกันได้)
กรณีที่สอง….อินเตอร์มีเดียท(Intermediate)ครับ คือกรณีที่เขาเป็นแฟนของคุณแล้ว (เออ…ประมาณว่ารักกันนะครับ ไม่ใช่แบบ “เธอเป็นแฟนฉันแล้ว” ของกะลานะครับ แบบนั้นไม่เกี่ยว) แน่นอนครับ เป็นแฟนกันย่อมแสดงอาการหึงหวงและเป็นเจ้าของ เรื่องนี้ธรรมดามาก ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดปกติ ผู้ชายทุกคนเข้าใจเรื่องแบบนี้ แต่มันจะเริ่มแปลกทันที เมื่อคุณแสดงความเป็นเจ้าของกับเขา“เกินกว่าเหตุ” แน่นอนครับ ผู้หญิงหลายๆคนที่อ่านก็คงสงสัยไม่น้อยว่าคำว่า “เกินกว่าเหตุ” ในลิมิตของผู้ชายเป็นอย่างไร คำว่า “หึงหวง(หรือ เอาแต่ใจ)เกินกว่าเหตุ” คือการที่คุณแสดงความเป็นเจ้าของกับเขาไปซะทุกเรื่อง ทุกที่ ทุกเวลา และทุกโอกาส ยกตัวอย่างนะครับ สมมติว่า(เน้นว่าสมมตินะ – เดี๋ยวด่าผมอีก) แฟนคุณมีนัดทานข้าวกับพ่อแม่ของเขา แล้วจู่ๆคุณดันอยากไปชอปปิ้งขึ้นมากะทันหัน คุณก็บอกแฟนคุณว่าคุณอยากไปชอปปิ้ง ให้มารับพาไปหน่อยอารายประมาณนี้ แต่แฟนคุณดันปฏิเสธคุณซะนี่ (ก็เขามีนัดอยู่แล้วนี่นา – แถมนัดพ่อนัดแม่ด้วย) แน่นอนครับ ผู้ชายทุกคนรู้ดีว่าคุณย่อมไม่พอใจ แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าเวลาผู้ชายเขาปฎิเสธคุณ เขาก็หนักใจเหมือนกันนะครับ ถึงคุณเองจะบอกว่า “อะไรนัดพ่อนัดแม่ นัดวันหลังก็ได้นี่ กินข้าวด้วยกันทุกวันไม่ใช่เหรอ”…ก็จริงของคุณนะ แต่ถ้าผู้ชายเขาบอกว่า “อะไร แค่ชอปปิ้ง วันหลังก็ได้!! ผมก็มีเวลาให้คุณทุกวันอยู่แล้ว” แล้วคุณจะรู้สึกยังไงล่ะ?? (นั่นแหละครับ สิ่งที่คุณรู้สึกจะเกิดขึ้นกับพ่อแม่ของเขาเอง เมื่อเขาพูดอย่างนั้นกับพ่อแม่ของเขา) แน่นอนครับ อันนี้ไม่ใช่ไคลแมกซ์ของเรื่อง เพราะหากคุณปล่อยให้มันผ่านไป มันก็ย่อมผ่านไป(โดยไม่มีอะไรค้างคา) แต่หากคุณไม่ยอมล่ะ!! “ก็เธอเป็นแฟนฉัน เธอก็ต้องตามใจ(หรือ เอาอกเอาใจ)ฉันสิ!!” เหอะๆๆ คราวนี้คงต้องแหลกลาญกันไปข้างนึงแหละครับ ก็คุณดันเอาแต่ใจเกินเหตุซะนี่ ตัดสินใจแทนเขาไปซะหมด เขาจะเริ่มหนักใจขึ้นมาทันที (ทันทีจริงๆนะ) ก็ข้างนึงก็พ่อแม่ที่รัก อีกข้างก็แฟนที่เคารพ ยอมรับว่าถ้าเป็นผมเองก็ตัดสินใจไม่ถูก แน่นอนครับ ถึงในที่สุดเขาจะยกเลิกนัดพ่อกับแม่พาคุณไปเที่ยว แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณโดนเขาหัก“คะแนนความประพฤติ”ไปเรียบร้อยแล้ว (หรือแม้เขายืนยันจะไปเที่ยวกับพ่อแม่แล้วไม่พาคุณไปชอปปิ้ง เขาก็หัก “คะแนนความประพฤติ” คุณอยู่ดี) ยิ่งหากคุณ“ตัดสินใจ”แทนเขาในเรื่องงาน ครอบครัว (หมายถึงระหว่างเขากับพ่อแม่นะ) และเพื่อนฝูง…..คุณจะยิ่งโดนหัก“คะแนนความประพฤติ”หนักขึ้นไปอีก คุณอาจบอกให้เขาเลิกนัดพ่อแม่ คุณอาจบอกให้เขาเลิกนัดเพื่อนร่วมงาน คุณอาจบอกให้เขาเลิกคบเพื่อนคนโน้นคนนี้ …..แต่คุณรู้หรือเปล่า สุดท้ายหัวใจเขาจะสั่งให้ตัวเขาเองบอกเลิกคุณ!!! (แม้เขาจะรักคุณมากก็เถอะ – แหม ก็คุณเล่นเอาแต่ใจซะขนาดนั้น ใครจะทนคุณได้ล่ะ ลองคิดดูสิ!!) ฉะนั้นคุณก็อย่าพยายามเอาแต่ใจหรือทำให้เขาหนักใจ…. (แต่ถ้าจำเป็นจริงๆคุณก็บอกเขาเถอะ ผมเชื่อว่าแฟนคุณคงไม่ใจร้ายขนาดไม่สนใจคุณหรอก แต่คุณก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขาด้วยนะ)
กรณีที่สาม…..แอดวานซ์(Advance)ครับ เป็นกรณีที่ยอมรับว่าเกิดกับฝ่ายชายโดยตรง ผมขออนุญาตเรียกว่า “กรณีส่วยเรียกรับ” (ชื่อเท่ห์ไปป่าวเนี่ย) เหตุผลที่เรียกชื่อนี้ก็เพราะว่าฝ่ายชายทำเพื่อฝ่ายหญิงและเขาก็หวังให้เธอทำเพื่อเขาบ้าง ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นเหมือนกรณีเบสิค (กรณีแรก) ครับ ต่างกันตรงที่สถานะและคู่แข่ง!! กรณีนี้เขาจะเอาอกเอาใจคุณ (กรณีนี้เป็นแฟนกันแล้ว – ถึงจะเป็นแฟนกันแล้วก็ต้องเอาใจใส่สิ จริงป่ะ?) แต่คราวนี้คุณกลับค่อนข้างเฉยชาและปล่อยให้เขาปล่าวเปลี่ยวหัวใจ คุณจะใช้มารยาหญิงออดอ้อนเขานิดหน่อยก็ไม่มี แน่นอนครับ เป็นชายคนใดเขาก็ย่อมมีขีดจำกัดในความอดทน อาจจะสูงหรือต่ำก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากเขามีความอดทนสูง เขาก็ย่อมทำเพื่อคุณได้นาน แต่หากเขามีความอดทนต่ำ เขาย่อมคิดว่าคุณไม่ให้ความสำคัญกับเขาแล้ว กรณีนี้อันตรายเพราะว่าหากมีผู้หญิงคนไหนมาเอาอกเอาใจเขาช่วงนั้นล่ะก็ เหอะๆๆ คะแนนหุ้นของเธอจะพุ่งขึ้นเร็วเป็นสองเท่าของปกติ….ก็เพราะว่าแทนที่เขาจะเทคะแนนให้คุณ เขากลับตัดคะแนนคุณออกแล้วโยนให้“เธอ”ไปนั่นหนะสิ เพราะฉะนั้น หากคุณได้เขามาเป็นแฟน คุณก็ควรเสมอต้นเสมอปลายด้วย…ไม่ใช่เอาใจแต่ช่วงแรกๆแล้วหลังๆหายไปนะครับ อย่าคิดว่าผู้ชายที่เป็นแฟนคุณแล้วเขาต้องอยู่ดูแลคุณตลอดนะครับ เพราะคุณทำอย่างไรกับเขา เขาก็จะทำอย่างนั้นกับคุณ….ผู้ชายก็มีหัวใจเหมือนกันนะครับ
กรณีที่สี่….สุดๆของแอดวานซ์ครับ(Extreme Advance) ในกรณีนี้เป็นกรณีนิสัยของเพศชายโดยตรง (เน้น โดยตรง!!) และเป็นกรณีที่มีปัญหามากๆๆๆๆๆๆที่สุดเท่าที่พบมา ผมจะอธิบายให้ฟังนะครับ : จากที่รู้ๆกันว่าเพศชายเป็นเพศบ้างาน(หรือแบบเอาจริงเอาจังกับงานบางงานเกินเหตุ) แน่นอนครับ แรกๆก่อนคุณได้ตกลงปลงใจเป็นแฟนกับเขา เขาอาจจะเฝ้าเอาอกเอาใจคุณสารพัดสารเพเท่าที่เขาจะทำได้ หากแต่พอคุณได้เป็นแฟนกับเขา เขาก็จะกลับไปเป็นผู้ชายคนเดิมที่นิสัยเดิม (นี่คือความจริง ลองถามคนที่มีแฟนแล้วสิ – คืออาจจะบ้างาน หรือบ้าม่อ ผมมิอาจทราบได้) หากเขาบ้างาน…ภูมิใจเถอะครับ เขากำลังทุ่มเทตัวเอง สร้างอนาคตอันสดใสให้คุณ และอาจรวมถึงว่าที่พ่อตาแม่ยายอีกด้วย (แต่หากเขาบ้าม่อ…ผมหวังว่าคุณคงมีทางจัดการเองนะ) ซึ่งในกรณีนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรักคุณลดลงหรือน้อยลงเลย หากแต่บางครั้งคุณต่างหากที่เป็นคนที่ทำตัวให้เขารักคุณน้อยลง!! แน่นอนครับ ผู้ชายบ้างาน วันๆเอาแต่หมกตัวอยู่กับงาน เครียดซีเรียสทั้งวัน อาจจะว่างโทรไปหาคุณบ้าง ไม่ว่างบ้าง พอโทรไปหาคุณ(ในฐานะแฟนนะ) คุณก็ดันอารมณ์เสียใส่เขาซะนี่ ต่อว่าสารพัดต่างๆนานา ไม่โทรมาบ้างแหละ ไม่มีเวลาให้บ้างแหละ…..เครียดเรื่องงานไม่พอ ยังต้องมาเครียดเรื่องคุณอีก โห ยอมตายครับงานนี้ ผู้ชายร้อยๆ 99.99 จะยอมเครียดแค่เรื่องเดียว ซึ่งอาจฟังดูเห็นแก่ตัว แต่นี่คือเรื่องจริง!! (เขาเลือกระหว่าง คุณ และ งาน – ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่เลือก งาน ซะด้วยสิ) คราวนี้แหละครับ คุณอาจโดนเขาตัดหางโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่เพราะเขาไม่รักคุณ หากแต่คุณต่างหากไม่รักเขา…ก็คุณรักตัวเองมากกว่านี่นา อยากให้เขาเอาอกเอาใจ แล้วเขายิ่งเครียดๆทำงานหนักๆ หวังให้คุณสบาย ยังโดนด่าโดนต่อว่าอีก…เฮ้ย นี่แหละ เหตุผลของความรักจากร้อยถึงศูนย์ (ผมไม่ได้ห้ามคุณเรียกร้องนะ แต่ถ้าจะเรียกร้องก็เรียกร้องอย่างมีศิลป์นะครับ เขาจะได้ไม่หนีคุณไปก่อน) …

|
Category in :
นี่คือ**best**
Date :
Saturday, August 11, 2007 1:22 AM
ภาษาดอกไม้เกิดขึ้นที่เมือง คอนแสตนติโนเปิ้ล กรุงโรมที่ประเทศ… ( อิตาลี )
ใน ค.ศ. 1600 และแพร่กระจายเข้าสู่ประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 1716
โดย Lady Mary Worthley Montagu เธอใช้เวลาของเธอทั้งหมดอยู่กับสามีของเธอ
และได้เผยแพร่สู่ประเทศฝรั่งเศส ในหนังสือชื่อ Le Langage des Fleurs
ซึ่งลงความหมายของดอกไม้ไว้กว่า 8,000 ดอก มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษในสมัยของ
Queen Victoria ภาษาดอกไม้ส่วนใหญ่ที่มีความหมาย ไม่เหมาะสมเกินไปได้ถูกตัดออกไป
ภาษาดอกไม้ที่จะนำเสนอต่อไปนี้คือ ความหมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรักค่ะ
……………………………. ………………………….
ชื่อไทย – ชื่อภาษาอังกฤษ – ความหมาย
ดอกกุหลาบตูมสีขาว White Rosebud แด่เธอ… ที่ไม่มีความรู้สึก
ดอกกุหลาบขาว White Rose คุณมีค่าสำหรับฉัน
ดอกกุหลาบดอกเดียว Unique Rose สำหรับคุณที่ขี้เหร่
ดอกกุหลาบสีแดงเข้ม Deep red Rose อายจัง
ดอกกุหลาบสีแดงสด Full red Rose สำหรับคุณที่สวยที่สุดของฉัน
ดอกกุหลาบไร้หนาม Thornless Rose เป็นความรักแรกของฉัน
ดอกกุหลาบสีขาวและแดงคู่กัน White and Red rose together
มารวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวกันเถอะ
ดอกกุหลาบสีเหลือง Yellow Rose อิจฉา ริษยา
ดอกคาร์เนชั่นสีแดงเข้ม Deep red Carnation สำหรับหัวใจที่แห้งเ ่ยว
ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู Pink Carnation ความรักของผู้หญิง
ดอกคาร์เนชั่นสีเหลือง Yellow Carnation สำหรับคุณที่บริสุทธิ์ และน่ารัก
ดอกทิวลิป Tulip ฉันเสียวหละทุกอย่างได้เพื่อคุณ
ดอกทิวลิปสีแดง Red Tulip ฉันรักคุณ
ดอกป๊อปปี้สีแดง Red Poppy ฉันจะคอยปลอบโยนคุณเอง
ดอกป๊อปปี้สีขาว White Poppy ฉันเผลอรักคุณเข้าแล้ว
ดอกป๊อปปี้สีม่วง Scarlet Poppy ฉันฝันเห็นหน้าเธอทุกคืน
ดอกไอวี่ Ivy แต่งงานกันเถอะ
ดอกไอวี่สีเหลือง Yellow Ivy ฉันหลงไหลในตัวคุณ
ดอกโรสแมรี่ Rosemary การเข้ามาในชีวิตผมของคุณ ทำให้ผมมีชีวิตชีวา
ดอกแจสมินอินเดีย Indian Jasmine ฉันเชื่อคุณ คุณเป็นคนสำคัญของฉัน
ดอกโครคัส Crocus ไม่มีพิษ ไม่มีภัย
ดอกรูห์บ๊าบ Rhubarb เตือนสติ
ดอกฮอลลี่ Holly ฉันไม่เคยลืมคุณ
ดอกบัตเตอร์คัพ Buttercup สำหรับคุณที่เป็นคนซื่อ ( อาจจะบื้อ )
ดอกไลแลคสีม่วง Purple Lilac ความรักครั้งแรกที่หวานฉ่ำ
ดอกพีชสีม่วงแดง Peach Blossom ฉันยอมเป็นทาสของคุณ
ดอกไอรีส Iris ฉันมีอะไรจะบอกคุณ
ดอกเดซี่สีขาว White Daisy สำหรับคุณที่ไร้เดียงสา
ดอกแดนดิเลี่ยน Dandilion ความรักเป็นสิ่งที่พระเจ้าบันดางให้
ดอกพิโอนี่ Peony รู้สึกอับอายขายหน้า
ดอกเบญมาศ Yellow Chrysanthemum ความรักที่บางเบาอ่อนไหวง่าย
ดอกแพนซี่ Pansy รำพึงรำพันถึงความรัก
ดอกบานชื่น Zania คิดถึงเพื่อนเก่า
ดอกบัว Lotus Flower รู้สึกบาดหมางในความรัก
ดอกรองเท้านารี Lady Slipper คุณชนะใจฉัน สวมกอดฉันสิ
ดอกดาวเรือง Marigold ฉันตกเป็นทาสของคุณแล้ว
ดอกผักกาดหอม Lettuce อย่าเย็นกับฉันนักเลย น๊ะขอร้อง
ผักชีฝรั่ง Parsley ความรู้ที่มีประโยชน์

|